Quantcast
Channel: มาสวดสายประคำกันเถอะ
Viewing all 23 articles
Browse latest View live

10 จิตตารมณ์การภาวนาของแม่พระ (ฤทธิ์กุศลประการที่ 10)

$
0
0

 

prayer mary 1

ไม่มีดวงวิญญาณใด ๆ ในโลกที่ปฏิบัติตัวได้อย่างครบครันเท่าแม่พระอีกแล้ว ผู้ได้รับบทเรียนอย่างดีจากพระเยซูคริสตเจ้าที่ว่า เราต้องสวดภาวนาเสมอและสวดโดยไม่เสียความวางใจ (ลูกา 18:1) นักบุญโบนาเวนตุรา  (นักบุญท่านนี้ได้อ้างอิงไว้แล้วในบทที่ 5 ความหวังของแม่พระ)  กล่าวว่า ไม่มีใครสามารถให้ตัวอย่างแก่เราดีไปกว่านี้คือ การมีความพากเพียรในการสวดภาวนา

 

นักบุญอัลเบิร์ตองค์ใหญ่ (นักบุญท่านนี้ได้อ้างอิงไว้แล้วในบทที่ 2 ความรักของแม่พระต่อพระเป็นเจ้า) กล่าวเสริมว่า นอกจากพระเยซูเจ้าแล้ว ก็แม่พระนั่นแหละที่สวดภาวนามากตามจิตตารมณ์ของการภาวนา การภาวนาของเธอดำเนินไปเรื่อย ๆและด้วยความพากเพียร นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอรู้จักใช้เหตุใช้ผลเธอก็เริ่มสวดภาวนาแล้ว เธอจึงถวายตัวเองปฏิบัติกิจศรัทธาอันแรงกล้าและภาวนาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเมื่ออายุเพียง 3 ขวบ

 

แม่พระเผยแสดงแก่นักบุญเอลิซาเบธแห่งฮังการี่ (นักบุญท่านนี้ได้อ้างอิงไว้แล้วในบทที่ 6 ความเป็นพรหมจารีของแม่พระ) ว่า “พระนางจัดเวลาสำหรับสวดภาวนา เธอตื่นเวลาเที่ยงคืน เข้าไปสวดภาวนาในพระวิหาร ในชีวิตเธอสวดภาวนาและรำพึงถึงพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าบ่อย ๆ ครั้งเธอไปเยี่ยมและสวดภาวนาตามสถานที่ ๆ พระเยซูเจ้าบังเกิด ที่พระองค์ทรงทนทุกข์ทรมานและถูกฝัง ยิ่งกว่านั้น เธอสวดภาวนาด้วยจิตใจเร่าร้อนและไม่วอกแวกเลย เธอภาวนาเสมอและไม่รู้จักหยุดหย่อนเลย”

 

เพราะรักการภาวนา แม่พระจึงเจริญชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์เหมือนดังที่นักบุญบริยิต (นักบุญท่านนี้ได้อ้างอิงไว้แล้วในบทที่ 1 ความสุภาพของแม่พระ)บอกเราว่า เมื่ออยู่ในพระวิหาร เธอหลีกเลี่ยงที่จะพบใคร ๆ แม้แต่บิดามารดาของพระนางเอง นักบุญเยโรม (นักบุญท่านนี้ได้อ้างอิงไว้แล้วในบทที่ 6 ความเป็นพรหมจารีของแม่พระ) วิเคราะห์คำของประกาศกอิสยาห์ที่ว่า “สาวพรหมจารีพร้อมกับบุตรที่บังเกิดและจะตั้งชื่อว่า เอมมานูเอล” (อิสยาห์ 7:14) ท่านกล่าวว่า ในภาษาฮีบรูคำว่า พรหมจารี หมายความว่า พรหมจารีที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เราจึงเห็นว่าแม่พระรักความสงบโดดเดี่ยว (ความสันโดษ)

 

prayer mary 2

นักบุญเบอร์นาร์ด (นักบุญท่านนี้ได้อ้างอิงไว้แล้วในบทนำ) อุทานว่า แม่พระรักการภาวนาและการอยู่โดดเดี่ยว เธอหลีกเลี่ยงคำสนทนาที่ไร้ค่า พระจิตเจ้าทรงเรียกเธอว่า นกเขาคู่เพราะแก้มพระนางสวยงามดังแก้มนกเขา แม่พระมีจิตตารมณ์พิเศษแห่งการสวดภาวนาและรำพึงเหมือนนกเขาที่มักจะบินหนีไปจากนกอื่น ๆ อยู่ตามลำพัง แม่พระชอบอยู่คนเดียว สวดภาวนา รำพึงคิดถึงพระเป็นเจ้า

 

ท่านฟิลโล (ขออภัย ข้าพเจ้าไม่สามารถหาข้อมูลของท่านได้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ ไม่แน่ใจว่าเป็น Philo of Alexandria หรือเปล่า) บอกเราว่า “พระเป็นเจ้าทรงสนทนากับวิญญาณที่อยู่ลำพัง” นักบุญเยโรมอุทานว่า “เป็นบุญของผู้มีใจสงบ เหตุว่าพระองค์ประทับอยู่กับเขา” นักบุญเบอร์นาร์ดกล่าวว่า “ความเงียบและความสันโดษทำให้วิญญาณออกไปจากโลกนี้และคิดถึงสิ่งของสวรรค์”

 

virtues marybar2 end

โอ้ พรหมจารีผู้บริสุทธิ์ยิ่ง โปรดสอนลูกให้สวดภาวนาโดยมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อลูกจะได้มีจิตใจออกจากสิ่งของฝ่ายโลกและใฝ่หาสิ่งที่เป็นของสวรรค์เสมอ นั่นคือ เมืองสวรรค์ที่ลูกหวังว่าสักวันจะได้เห็น เพื่อรักและสรรเสริญพระองค์พร้อมกับพระบุตร คือองค์พระเยซูคริตเจ้า ผู้ดำรงชีพและครองราชย์ตลอดนิรันดร อาแมน

virtues marybar1 end

 

(โพสต์ นี้เป็นบทสุดท้ายในชุดคุณธรรมหรือฤทธิ์กุศล 10 ประการของแม่พระแล้ว ท่านสามารถอ่านทบทวนตั้งแต่บทแรกคือ บทนำ ฤทธิ์กุศลหรือคุณธรรมของพระนางพรหมจารีมารีอา จนถึงบทนี้ ขออนุญาตแนะนำให้ไปที่ Sitemap แล้วเข้าไปดูที่หมวด นักบุญอัลฟอนโซ มาเรีย เด ลีกูโอรี จะเห็น การโพสต์ทั้งหมดในชุดนี้ หรือจะเข้าไปดู นักบุญอัลฟอนโซ มาเรีย เด ลีกูโอรี Archives ก็ได้)

 

(อีกครั้งหนึ่งที่ข้าพเจ้าอยากแนะนำ ท่านใดสนใจเรื่องราวของแม่พระที่เผยแสดงแก่นักบุญ 4 ท่าน โดยมิได้กล่าวถึงในพระวรสารเลย เริ่มตั้งแต่บทนำ ไปจนถึงบทสุดท้ายบทที่ 37 การขึ้นสวรรค์และสวมมงกุฎราชินีสวรรค์ของแม่พระ อ่านจบแล้วท่านจะรู้สึกเคารพ รักและศรัทธาต่อแม่พระยิ่ง ๆขึ้นไป บทนำ | ชีวิตภายในพระแม่มารีย์..โดยผู้เข้าฌาน )

The post 10 จิตตารมณ์การภาวนาของแม่พระ (ฤทธิ์กุศลประการที่ 10) appeared first on มาสวดสายประคำกันเถอะ.


แม่พระทรงตรัสถึงสายประคำศักดิ์สิทธิ์

$
0
0

 

ก่อนอื่นต้องขออภัยท่านผู้อ่านที่เว็บไซต์หายไปนานกว่า 1 เดือนครึ่ง เนื่องจากมีปัญหาเรื่องโดเมนกับโฮสต์ที่เช่าพื้นที่ เข้าไปทำอะไรไม่ได้เลย นึกว่าจะเป็นการอำลาที่ถาวรแล้ว ข้าพเจ้าแก้ปัญหานี้ไม่ได้และอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของ WebHosting ที่ข้าพเจ้าใช้บริการอยู่ ข้าพเจ้าได้แต่สวดภาวนาขอแม่พระ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี  จนในที่สุดโชคดีที่มีอาจารย์โปรแกรมเมอร์ท่านหนึ่งได้กรุณาช่วยเหลือกู้ข้อมูลและนำบล็อกกลับมาไว้ได้ ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ มา ณ ที่นี้ด้วย ข้าพเจ้าต้องใช้เวลาไล่เรียงตรวจทานลิงค์ต่าง ๆและรูปภาพที่หายไปเกือบจะทุกโพสต์ที่มีอยู่ ขอขอบพระคุณพระแม่มารีย์ที่ทรงฟังคำวอนขอของข้าพเจ้า

 

ขอประเดิมการกลับมาอีกครั้ง ด้วยถ้อยคำ ข้อความและวลีต่าง ๆเกี่ยวกับสายประคำ โดยเริ่มจากแม่พระทรงกล่าวกับบรรดานักบุญก่อน เป็นการปลอบประโลม ยืนยัน และหรือวิธีการสวดเพื่อชักจูงให้เราคริสตชนทั้งหลายตระหนักถึงพลังแห่งสายประคำศักดิ์สิทธิ์จากสวรรค์ที่แม่พระทรงประทานให้แก่มนุษยชาติ และทำให้เรารักและทุ่มเทการสวดสายประคำมากยิ่งขึ้นไป

 

ส่วนแรก ข้าพเจ้าถอดความและคัดลอกจากบทความการประจักษ์ของแม่พระ พระเยซูเจ้าและนักบุญเทเรซาที่ Bayside, NY (Brooklyn Diocese) ในอเมริกาต่อสตรีผู้หนึ่งชื่อ Veronica Lueken รู้จักกันดีในนามการประจักษ์ของแม่พระแห่งดอกกุหลาบ (Bayside – Our Lady of the Roses) ในช่วงระยะปี 1964-1995

 

แม้การประจักษ์ของแม่พระตามสถานที่เหล่านี้จะยังไม่ถูกประกาศรับรองอย่างเป็นทางการ แต่อย่างน้อยมันก็ไม่สามารถหยุดยั้งความศรัทธาที่คริสตชนมีต่อพระเยซูเจ้าและแม่พระได้

 

ourladyoftherosesstatue

Introduction to the Bayside Prophecies

Apparitions of Our Lady of the Roses, Mary Help of Mothers – the prophecies of Jesus and the blessed Virgin Mary to the seer Veronica Lueken

พลังอำนาจของสายประคำศักดิ์สิทธิ์

“ลูกรัก จงตระหนักถึงพลังอำนาจของสายประคำในมือของลูกเถิด
นี่คือพลังฤทธานุภาพของพระเป็นเจ้า
ถ้าลูกไม่รู้จักการสวดสายประคำ
ลูกจะคาดหวังว่าพระเยซูเจ้า พระบุตรของแม่จะยอมรับลูกได้อย่างไร?

ทำไมลูกซ่อนสายประคำของแม่เล่า?
สายประคำประกอบไปด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักของแม่ซึ่งแม่ได้เลือกมอบให้แก่ลูก
ลูกปฏิเสธไข่มุกแห่งสรวงสวรรค์ได้อย่างไรเล่า?

วิบัติจงเกิดแก่ทุกผู้คนที่มีเจตน์จำนงที่จะถอดถอนสายประคำเหล่านี้จากมือน้อย ๆของลูกทั้งหลาย
พวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างสาสม!

ทำไมบรรดานักปราชญ์ผู้คงแก่เรียนถึงละทิ้งเครื่องหมายแห่งความรักของแม่?
บรรดาลูก ๆที่ทุ่มเทและซื่อสัตย์ต่อการสวดสายประคำจะไม่มีวันตกในเพลิงแห่งนรก
ลูกเอ๋ย จงรวบรวมคลังแห่งพระหรรษทานเหล่านี้เถิด
เมื่อเวลานั้นมาถึง (วาระสุดท้ายของชีวิต) ลูกจะได้ไม่ต้องคร่ำครวญเสียใจ”
6 ตุลาคม ปี 1970

 

“ลูก ๆ ที่รักทั้งหลาย เมื่อลูกสวดสายประคำ
ลูกกำลังช่วยบรรดาญาติพี่น้องของลูกให้รอด
จงอย่าสักแต่สวดออกจากปากของลูกดุจการท่องจำ
ลูกต้องสวดอย่างมีจุดมุ่งหมายและจากหัวใจของลูกจริง ๆ
จงสวดช้า ๆในแต่ละประโยคด้วยความเข้าใจในเหตุและผลของบทสวดนั้น”
18 มิถุนายน 1976

——————–

 

ต่อมาเป็นถ้อยคำที่แม่พระตรัสผ่านบรรดานักบุญทั้งหลาย

 

blessed alan de la roche

“เมื่อลูกสวดภาวนาสายประคำ
บรรดาเหล่านิกรเทวดาชื่นชมยินดี
พระตรีเอกภาพทรงพอพระทัยยิ่ง
พระบุตรของแม่ก็ทรงปิติยินดี
แม่เองก็มีความสุขเหลือที่จะพรรณา
นอกเหนือจากพิธีบูชามิสซาแล้ว
ไม่มีอะไรทีแม่รักไปกว่าการสวดสายประคำของลูก ๆ
แม่พระทรงประจักษ์ตรัสแก่บุญราศีอาลัน เดอ ลา รอช (Blessed Alan de la Roche 1428-1475)

 

“ลูกจะได้รับทุกอย่างที่ลูกขอจากแม่โดยผ่านการสวดสายประคำ”

แม่พระทรงประจักษ์ตรัสแก่บุญราศีอาลัน เดอ ลา รอช

 

st. dominic

“โดยผ่านการสวดสายประคำและสายจำพวก สักวันหนึ่งแม่จะช่วยโลกให้รอดพ้น”
แม่พระทรงตรัสกับนักบุญดอมินิก

 

“จงสวดสายประคำทุกวันเพื่อโลกจะได้พบกับสันติภาพ”

แม่พระฟาติมา ประจักษ์ปี 1917

“ขอให้ลูกพากเพียรสวดสายประคำทุกวัน อย่าให้ขาด”

แม่พระฟาติมาตรัสแก่ซิสเตอร์ลูซีอา (หนึ่งในบรรดาเด็ก 3 คนที่เห็นแม่พระ)

 

“การสวดสายประคำพร้อมกันภายในครอบครัวทำให้แม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
แม่ขอให้ทุก ๆครอบครัวจงพยายามสวดสายประคำ
แต่ลูกต้องสวดด้วยความรักและอุทิศทุ่มเท
รำพึงพิจารณาพระธรรมล้ำลึกในแต่ละหัวข้อ
และจงพยายามถอดแบบคุณธรรมหรือฤทธิ์กุศลที่มีอยู่ในแต่ละหัวข้อนั้น ๆ
ขอให้ลูกพยายามดำเนินชีวิตดุจเดียวกับแม่ที่อาศัยอยู่ในรหัสธรรมของสายประคำ
และนั่นจะเป็นดั่งโซ่ทองคล้องลูกให้ยึดติดกับแม่ตลอดไป
บรรดาลูก ๆทั้งหลายที่อยู่ในกระแสแห่งการโอบอุ้มของสายประคำจะไม่มีวันพินาศ
แม่เองจะเป็นคนนำลูก ๆไปสู่พระมหาทรมานแห่งมงกุฎหนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระบุตร
เพื่อว่าลูกจะได้หลอมรวมกับพระองค์ตลอดกาลนิรันดร”

our lady of america

แม่พระแห่งอเมริกา (Our Lady of America)

 

 

 

 

 

 

 

 

our lady saint mechtilde 1our lady saint mechtilde

วันหนึ่ง ขณะนักบุญ เมกทิวดี กำลังสวดภาวนาและคิดหาทางทำอย่างไรจึงจะรักพระมารดาศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น เธอเข้าภวังค์
พระแม่ประจักษ์มาพร้อมกับคำสดุดีของอัครเทวดาคาเบรียลบนพระอุระเป็นอักษรไฟ สีทอง
พระแม่ตรัสกับเธอว่า “ลูกรัก แม่ปรารถนาให้ลูกรู้ว่า ไม่มีใครสามารถทำให้แม่พอใจโดยไม่ต้องสวดบทวันทามารีอา
พระตรีเอกภาพทรงส่งบทนี้มาให้แม่ พระเป็นเจ้าพระบุตรได้ให้เกียรติยกฐานะแม่ขึ้นเป็นมารดาพระเจ้า”

 

 

คัดและถอดความเรียบเรียงจาก (เชิญเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้)

Quotes of Our Lady, Popes, and Saints

Rosary Quotes – THE POWER OF THE ROSARY

 

เพิ่มเติมลิงค์ภาษาไทย

 

สวดสายประคำ

สายประคำ..ในถ้อยคำคนดัง

Don Daniele: สายประคำนำชีวิต

The post แม่พระทรงตรัสถึงสายประคำศักดิ์สิทธิ์ appeared first on มาสวดสายประคำกันเถอะ.

ถ้อยคำหรือข้อเขียนที่บรรดานักบุญได้กล่าวถึงสายประคำศักดิ์สิทธิ์

$
0
0

 

โพสต์นี้เป็นชุดเกี่ยวเนื่องจากการโพสต์ครั้งที่แล้ว

แม่พระทรงตรัสถึงสายประคำศักดิ์สิทธิ์ – มาสวดสายประคำกันเถอะ

 

คราวนี้จะกล่าวถึง ถ้อยคำหรือข้อเขียนที่บรรดานักบุญได้กล่าวถึงสายประคำศักดิ์สิทธิ์

 

ข้อความบางส่วนจากนักบุญหลุยส์ มารี กรีญอง เดอ มงฟอร์ต

(Saint Louis de Montfort – 1 January 1673 – 28 April 1716)

 

428louis15

ถ้าลูกสวดสายประคำด้วยความเชื่่อและซื่อสัตย์
ถ้าลูกสวดสายประคำทุกวันด้วยความอุทิศทุ่มเท
วอนขอพระปรีชาญาณเพื่อลูกจะได้สำนึกผิดอย่างแท้จริง
ขอประทานอภัยบาปทั้งมวลที่ลูกได้เคยทำมา
จนถึงวาระสุดท้ายในชีวิตของลูก

 

428louis156

ลูกจงเชื่อมั่นได้ว่า แม้บาปของลูกจะหนักหน่วงเพียงใด
ลูกจะได้รับพระหรรษทานจากแม่พระ พระราชินีแห่งสรวงสวรรค์
แม้ว่าลูกจะถูกสาปแช่งหรือแม้แต่เท้าข้างหนึ่งของลูกตกนรกไปแล้ว
แม้กระทั่งลูกขายวิญญาณให้แก่ปีศาจไป
ในไม่ช้าลูกจะถูกแปรเปลี่ยนและเป็นทุกข์ถึงบาป
ลูกจะสำนึกผิดและจะพยายามแก้ไขชีวิตของลูกจนได้รับความรอดพ้น

 

 

ไม่ว่าใครก็ตามที่สวดสายประคำทุกวัน
จะไม่มีวันหลงผิดหรือถูกประจญล่อลวงจนสูญเสียวิญญาณ
พ่อขอยืนยันด้วยหัวใจและชีวิตของพ่อเอง

 

 

———————–

ข้อความบางส่วนจากนักบุญโฮเซมารีอา เอสกรีวา เดอ บาละเกวอ

ผู้สถาปนาคณะพันธกิจของพระเจ้า (Opus Dei)

(St.Josemaria escriva de Balaguer – 9 January 1902 – 26 June 1975)

 

escriva

สายประคำศักดิ์สิทธิ์คืออาวุธอันทรงอำนาจที่สุด
จงสวดด้วยความเชื่อมั่นแล้วลูกจะอัศจรรย์ใจในผลที่ได้รับ
ถ้าลูกสวดสายประคำทุกวันด้วยความเชื่อและด้วยความรักต่อพระเยซูเจ้าและแม่พระ
พระแม่จะนำทางลูกไปสู่พระบุตรอย่างแน่นอน

ขอให้ลูกจงสวดสายประคำเถิด
การสวดวันทามารีย์ซ้ำไปซ้ำมาที่ลูกรู้สึกว่าน่าเบื่อ
คือพระหรรษทานที่จะช่วยชำระล้างบาปของลูก
ที่ลูกกระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกซึ่งน่าเบื่อยิ่งกว่าอีก

 

san josemaria escriva de balaguer
ลูกจะเลื่อนการสวดสายประคำออกไปเสมอในระหว่างวัน
จนแล้วจนรอดลูกก็ไม่ได้สวดจนกระทั่งลูกเริ่มง่วงนอนแล้วนั่นแหละ
ถ้าลูกคิดว่าลูกไม่มีเวลาที่จะสวดสายประคำเลยตลอดทั้งวัน
จงเริ่มสวดแม้ว่าลูกจะยุ่งอยู่กับการงานหรืออยู่บนท้องถนน
โดยไม่ต้องให้ใครรู้ว่าลูกสวดอยู่
และด้วยวิธีนี้ มันจะช่วยให้ลูกฝึกฝนการอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า

 

 

 

 

——————–

 

ข้อความบางส่วนจากนักบุญสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2

(Pope Saint John Paul II – 18 May 1920 – 2 April 2005)

st pope john paul 2 2

การสวดสายประคำเป็นการสวดที่พ่อชื่นชอบเป็นที่สุด

 

โอ…ครอบครัวใดสวดสายประคำทุกค่ำคืนนั้นช่างประเสริฐและสวยงามยิ่งนัก…

 

พ่อขอร้องให้ลูกสวดสายประคำ
สายประคำคือการภาวนาที่สุดแสนจะเรียบง่ายและเป็นของผู้ที่มีใจสุภาพถ่อมตน
อีกทั้งยังอุดมไปด้วยรหัสธรรมในพระคัมภีร์ที่มีคุณประโยชน์ต่อจิตวิญญาณอย่างเหลือล้น

 

fatima 0229

แม่ขอบอก ถ้าลูกสวดสายประคำ
ไม่มีปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้
ไม่ว่ามันจะยากลำบากสักเพียงใด
ซิสเตอร์ลูซีอา แห่งฟาติมา

(Sister Lúcia of Fátima – March 28, 1907 – February 13, 2005)

 

 

—————-

ข้อความบางส่วนจากนักบุญปีโอแห่งปิเอเตรลชีนา

หรือ “คุณพ่อปีโอ” นักบุญผู้มีรอยแผลศักดิ์สิทธิ์

(Saint Padre Pio – May 25, 1887 – September 23, 1968)

saint padre pio

ผู้ใดก็ตามที่คิดว่าพวกเขาสามารถดำรงชีวิตและรอดพ้น
โดยไม่ต้องพึ่งความช่วยเหลือของแม่พระเลย
ช่างเป็นคริสชนที่โง่เขลาและน่าสงสารยิ่งนัก!
จงรักแม่พระและสวดสายประคำเถิด
สายประคำของพระนางคืออาวุธที่ต่อต้านความชั่วร้ายในโลกแห่งปัจจุบันนี้
พระหรรษทานทั้งหลาย พระเป็นเจ้าล้วนประทานให้แก่มนุษย์โดยผ่านทางแม่พระ

 

การสวดสายประคำคืออาวุธที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในโลกยุคนี้

 

saint padre pio 1

ลูกเอ๋ย จงรักแม่พระและสวดสายประคำอย่างสม่ำเสมอเถิด
สวดอย่างดีจากใจของลูก สวดบ่อย ๆ เท่าที่ลูกสามารถสวดได้
อย่าท้อแท้หรือเบื่อหน่ายเป็นอันขาด
การภาวนาสวดสายประคำเป็นสิ่งจำเป็นและพระเป็นเจ้าจะทรงเมตตาลูก
อีกทั้งเป็นบ่อเกิดพระหรรษทานที่จำเป็นต่อวิญญาณของลูก

 

 

 

———————–

 

ข้อความบางส่วนจากบุญราศีอาลัน เดอ ลา รอช

blessed alan de la roche

สายประคำศักดิ์สิทธิ์คือพระคลังแห่งพระหรรษทานที่ไม่มีวันจบสิ้น

 

ถ้าลูกพากเพียรกับการสวดสายประคำ
ความรอดพ้นนิรันดรจะเป็นของลูกในที่สุด
บุญราศีอาลัน เดอ ลา รอช

 

(Blessed Alan de la Roche 1428-1475)

 

 

ข้างบนเป็นเพียงตัวอย่างที่ข้าพเจ้าคัดและถอดความมาเป็นตัวอย่างให้อ่านและพิจารณาเท่านั้น ยังมีอีกหลายข้อความ

ตามลิงค์ต่อไปนี้

 

Saints Quotes on Holy Rosary – 1 – Catholic Gallery
(มี 3 หน้าด้วยกัน)

Pray a Daily Rosary: 12 Famous Quotes | Get Fed | A Catholic Blog to Feed Your Faith

The Catholic Gentleman – 15 Quotes on the Holy Rosary

Quotes of Our Lady, Popes, and Saints

Rosary Quotes – THE POWER OF THE ROSARY

 

The post ถ้อยคำหรือข้อเขียนที่บรรดานักบุญได้กล่าวถึงสายประคำศักดิ์สิทธิ์ appeared first on มาสวดสายประคำกันเถอะ.

สมเด็จพระสันตะปาปาตรัสถึงสายประคำศักดิ์สิทธิ์

$
0
0

 

โพสต์นี้เกี่ยวเนื่องกับ 2 โพสต์ที่ผ่านมาและเป็นบทความสุดท้ายในชุดนี้

แม่พระทรงตรัสถึงสายประคำศักดิ์สิทธิ์

ถ้อยคำหรือข้อเขียนที่บรรดานักบุญได้กล่าวถึงสายประคำศักดิ์สิทธิ์

 

จากประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักรคาทอลิก มีสมเด็จพระสันตะปาปามากมายหลายพระองค์ที่ทรงสอนและสนับสนุนให้การสวดสายประคำนั้นเป็นพลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นการภาวนาที่ทรงอิทธิพลในหมู่สังคมโลกและเป็นยาแก้โรคร้ายทางจิตวิญญาณ บรรเทาทุกข์และความยากลำบากของชาวโลกและแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีตที่ผ่านมา

 

ตัวอย่างที่นำมานั้น เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยมาก ขอคัดมาเฉพาะบางพระองค์ที่ทรงสอนและตรัสถึงสายประคำบ่อย ๆ ท่านผู้อ่านที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติม ข้าพเจ้าจะอ้างอิงลิงค์ที่มาท้ายโพสต์นี้ ขอเริ่มจากนักบุญสมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ที่ 23 ก่อนเป็นพระองค์แรก

 

นักบุญสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 23 ( St. John XXIII  ค.ศ.  1958-1963)

( ระลึกถึงวันที่ 11 ตุลาคม )

 

05johnxxiiiทรงพระนามว่า แองเจโล ยูเซปเป้ รอนกัลป์ลี เกิดในเมืองซอตโต อิล มอนเต (แบร์กาโม) พระองค์ได้รับเลือกเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาวันที่  28 ตุลาคม ค.ศ. 1958 เป็นลำดับพระสันตะปาปาองค์ที่ 261 สิ้นพระชนม์ วันที่ 3 มิถุนายน ค.ศ. 1963 ด้วยสาร “เพื่อความรอดของมวลมนุษย์”  พระองค์ทรงเรียกประชุมสังคายนาศาสนสัมพันธ์ ครั้งที่ 21 พระองค์ได้ทิ้งผลงานเขียนที่มีชื่อเสียงและเป็นหนังสือศรัทธาคือหนังสือที่ชื่อว่า บันทึกวิญญาณ (Diary of the Soul) (เป็นหนังสือศรัทธาที่ทรงคุณค่ามาก ข้าพเจ้ามีฉบับแปลเป็นไทย 2 เล่มจบ)

(ท่านสามารถดาวน์โหลดหนังสือการแต่งตั้งเป็นนักบุญของท่านและท่านนักบุญสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ในเล่มเดียวกันได้ ที่นี่ )

 

การสวดสายประคำเป็นสง่าราศีของคริสตจักรโรมันคาทอลิก ….
นอกเหนือจากพิธีบูชามิสซาและพิธีกรรมจารีตอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็มีแต่สายประคำนี่แหละ

 

การสวดสายประคำคือการภาวนาที่เลอเลิศและเป็นสากล จำเป็นมากสำหรับพระศาสนจักรและทั่วโลก

 

กิจวัตรประจำวันของพ่อคือการสวดภาวนาที่ยาวนานและเป็นลมหายใจแห่งชีวิต
พ่อตั้งปณิธานว่าต้องสวดสายประคำพร้อมรำพึงพระธรรมล้ำลึกให้ครบทั้ง 15 ข้อ (สายประคำ 3 สาย) ทุกวัน
และถ้าเป็นไปได้พ่อจะสวดในวัดก่อนพิธีบูชามิสซา

 

พ่อไม่เคยเลยที่จะไม่สวดสายประคำให้ครบ 3 สายในแต่ละวัน

 

ถ้าลูกสวดสายประคำภายในครอบครัวร่วมกัน
สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะประสบสันติสุขและไม่มีวันแตกแยก

 

ท่านนักบุญสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ขอข้ามไปเพราะได้กล่าวถึงเมื่อโพสต์ที่แล้ว

 

สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอ ที่ 13 (Leo XIII ค.ศ.1878-1903)

 

พระสันตะปาปาลีโอที่ 13

ทรงพระนามว่า โยอากิม เปชชี เกิดในเมืองการ์ปิเนโต
ได้รับเลือกวันที่ 3 มีนาคม ค.ศ. 1878  เป็นลำดับพระสันตะปาปาองค์ที่ 256   สิ้นพระชนม์ วันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1903
พระองค์ทรงออกพระสมณสาสน์ซึ่งเกี่ยวกับแรงงาน
และการเมืองเกี่ยวกับสังคม ( Rerum Novrum)

 

การสวดสายประคำเป็นการภาวนาในรูปแบบที่สูงส่งที่สุดในบรรดาการภาวนาทั้งหลายของคริสตชน
เป็นยาและวิธีการรักษาสำหรับความชั่วร้ายทั้งมวล
เป็นรากเหง้าของพระพรทุกประการ
ไม่มีการภาวนาใดที่จะประเสริฐกว่านี้อีกแล้ว

 

สูตรสำเร็จของการสวดสายประคำคือสามารถประยุกต์เข้ากับความเรียบง่ายได้อย่างกลมกลืนที่สุด

 

สำหรับพระศาสนจักรแล้ว การสวดสายประคำคือความปรารถนาที่สำคัญและจำเป็นมาก
เหมาะสมกับของแต่ละสังฆมณฑลที่ควรจะสวดทุกวัน
รวมทั้งโบสถ์ทุกหลังในแต่ละเขตที่มีการฉลองวัด

 

พระญาณสอดส่องของพระเป็นเจ้าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างใหญ่หลวงสำหรับสังคมในปัจจุบัน
เหมือนดังในยุคของท่านนักบุญดอมินิกที่เผยแพร่และเทศน์สอนว่า
การสวดสายประคำคือโอสถทิพย์แห่งสวรรค์ของพระแม่มารีย์
ที่จะเยียวยารักษาบาดแผลของพระศาสนจักรตลอดมาทุกยุคสมัย

 

พระศาสนจักรและพ่อขอตักเตือนอย่างจริงจังว่าคริสตชนทั้งหลาย
ควรจะทุ่มเทอุทิศสำหรับการสวดสายประคำอย่างศรัทธา
ไม่ว่าจะเป็นการสวดเป็นกลุ่มภายในชุมชนหรือเป็นการสวดส่วนตัวที่บ้าน
จงสวดอย่าหยุดหย่อนเถิด

 

นักบุญสมเด็จพระสันตะปาปานักบุญปีโอ ที่ 10 ( St.Pius X ค.ศ. 1903-1914)

 

09stpiusx

ทรงพระนามว่า โจเซฟ ซาร์โต เกิดที่เมือง รีเอเซ ได้รับเลือกวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1903
เป็นลำดับพระสันตะปาปาองค์ที่ 257   สิ้นพระชนม์วันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 1914
พระองค์ทรงสรุปประมวลกฎหมายของพระศาสนจักร ทรงเริ่มพิมพ์หนังสือกิจการของสันตะสำนัก

 

การสวดสายประคำเป็นการภาวนาที่สวยงามและล้ำค่าที่สุดในบรรดาการภาวนาทั้งหลาย
เป็นการภาวนาที่พระแม่มารีย์พระมารดาพระเจ้าทรงเปิดพระทัยยินดีรับฟังคำภาวนามากที่สุด
จงสวดทุกวันเถิด!

 

ท่ามกลางการภาวนาของเราเหล่าคริสตชน
การสวดสายประคำคือพระพรและพระหรรษทานอันอุดมมากที่สุด
และแม่พระทรงโปรดปรานมากที่สุดอย่างยิ่งด้วย

 

 

 สมเด็จพระสันตะปาปาคลีเมนต์ ที่ 11 (Clement XI  ค.ศ. 1700-1721)

 

16clementxi

เกิดในเมืองอูร์บิโน ได้รับเลือกวันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ. 1700
เป็นลำดับพระสันตะปาปาองค์ที่ 243   สิ้นพระชนม์วันที่ 19 มีนาคม ค.ศ. 1721   ทรงปิดปีศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่ 16 (ปี ค.ศ. 1700)

 

พระองค์ทรงประกาศและมีคำสั่งให้พระศาสนจักรทั้งหมดเทิดพระเกียรติแม่พระพระมารดาพระเจ้า
ด้วยการสวดสายประคำเป็นประจำทุก ๆปี

 

 

 

ข้าพเจ้าเห็นว่า ถ้อยคำหรือพระดำรัสสมเด็จพระสันตะปาปาดังกล่าวข้างบนน่าจะเพียงพอ เป็นตัวอย่างยืนยันความสำคัญและพลังอำนาจของการสวดสายประคำได้แล้ว ขอขอบพระคุณข้อมูลของสมเด็จพระสันตะปาปา เป็นข้อมูลที่ครบถ้วนและเยี่ยมยอดมาก มีข้อมูลครบทุกพระองค์

ลำดับพระสันตะปาปาในพระศาสนจักคาทอลิก

 

ข้าพเจ้าได้คัดเลือกถอดความต้นฉบับภาษาอังกฤษจากลิงค์ข้างล่างนี้

ท่านที่สนใจสามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ยังมีอีกหลายพระองค์

The Popes & The Rosary

 

ข้อมูลภาษาไทยสำหรับการอ่านเพิ่มเติม มีคุณค่าต่อการสวดสายประคำ

คุณค่าการสวดสายประคำในครอบครัว

การสวดสายประคำและงานธรรมทูต

ตุลาคม เดือนแห่งการสวดสายประคำ – แม่พระยุคใหม่

The post สมเด็จพระสันตะปาปาตรัสถึงสายประคำศักดิ์สิทธิ์ appeared first on มาสวดสายประคำกันเถอะ.

สวดสายประคำพร้อมรำพึงตามพระคัมภีร์ในแต่ละบทวันทามารีย์ (บทเกริ่นนำ)

$
0
0

 

bead-by-bead-1

ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้ ข้าพเจ้าไม่สามารถที่จะรำพึงและสวดสายประคำได้เลย ไม่ว่าจะพยายามสวดสักเท่าไรก็ตาม เมื่อเริ่มสวดภาวนาจิตใจแห้งแล้ง สมองว่างเปล่า เบื่อหน่ายมาก ข้าพเจ้าก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงสวดสายประคำไม่ได้ พยายามปลุกเร้าจิตใจให้มีความศรัทธาร้อนรนเหมือนกับที่เคยทำ แต่ทำอย่างไรก็สวดจนจบสายไม่สำเร็จ สวดได้ 10 เม็ด 20 เม็ดก็ต้องหยุดเพราะไม่สามารถรำพึงหรือคิดภาพอะไรในมโนภาพออกเลยแม้แต่น้อย รู้สึกสวดไปก็ไร้ประโยชน์ ขอสารภาพว่า ข้าพเจ้าเลิกสวดสายประคำไป 2 ครั้ง ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา (แต่ก็ยังสวดบทภาวนาที่เคยสวดประจำวันอยู่) หยุดสวดไปครั้งละ 2-3 วัน ระหว่างช่วงที่หยุดสวดนั้น ชีวิตเฉื่อยชาไปมาก พร้อมที่จะกลับไปใช้ชีวิตแบบเก่า พร้อมที่จะทำบาปหนักได้ทุกเวลา จิตใจมันยิ่งหดหู่มากขึ้นกว่าเดิม กระวนกระวายอยู่ตลอด ไม่มีความสงบเลย ไม่สามารถที่จะเข้ามาโพสต์หรืออัพเดทบทความใหม่ ๆได้เลย ไม่สามารถแบ่งปันอะไรให้แก่ท่านทั้งหลายได้เพราะรู้สึกละอายใจที่ข้าพเจ้า ไม่สามารถสวดภาวนาได้

 

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายข้าพเจ้าก็พยายามวอนขอแม่พระ คิดอะไรได้ก็พูดกับแม่พระในใจ แม้จะสวดสายประคำไม่ค่อยได้ครบสายทุกวัน จนในที่สุด วันหนึ่งข้าพเจ้าก็ค้นพบบทความเกี่ยวกับการสวดสายประคำในอีกรูปแบบหนึ่งที่ข้าพเจ้าเคยอ่านในหลาย ๆ เว็บและมีข้อแตกต่างกันไป ข้าพเจ้ามองข้ามมันไปเพราะเห็นว่าน่าจะเหมาะสมกับผู้เริ่มต้นการสวดสายประคำเท่านั้น ข้าพเจ้าคงหลงตัวเองว่าการสวดสายประคำของข้าพเจ้าน่าจะผ่านพ้นขั้นเริ่มต้นมาแล้ว

 

เมื่อปลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ข้าพเจ้าลองใช้วิธีนี้เริ่มลงมือสวดสายประคำ ข้าพเจ้าพบว่าวิธีการนี้กลับใช้ได้เป็นอย่างดี จิตวิญญาณเริ่มถูกกระตุ้นให้จดจ่ออยู่กับการสวดจนสามารถสวดได้จนจบสาย ไม่รู้สึกเหนื่อยล้าและไม่ต้องพยายามอย่างมากเหมือนเมื่อเดือนที่ผ่านมา สามารถรำพึงกับข้อความที่อ่านไปได้อย่างลื่นไหล ข้าพเจ้าลองสวดจนครบพระธรรมล้ำลึกทั้ง 4 ภาค จึงตกลงใจที่จะนำมาถอดความ แปลเรียบเรียงให้เป็นภาษาไทย เพื่อข้าพเจ้าจะได้นำมาใช้กับตัวเองรวมทั้งสามารถที่จะแบ่งปันแด่ท่านผู้อ่านที่รักการสวดสายประคำลองพิจารณาไตร่ตรองดู รวมทั้งเป็นตัวเลือกเป็นอีกทางหนึ่งให้ท่านที่ตั้งใจจะเริ่มสวดสายประคำด้วย (บางคำ บางประโยคข้าพเจ้าก็ไม่ค่อยเข้าใจคำศัพท์ที่ใช้เขียน ก็ใช้เดาเอาระหว่างที่สวดในภาคภาษาอังกฤษ)

 

ที่มาของการรำพึง

ขออธิบายว่า วิธีการสวดสายประคำที่นำมาแบ่งปันนี้เป็นหนึ่งในบทความหรือจุลสารที่ถูกเขียนขึ้นโดยนักเขียนคทอลิกที่มาจากหลายสาขาอาชีพ เช่น นักขียน ดอกเตอร์ ผู้คงแก่เรียนทางเทววิทยาและนักบวช ฯลฯ  ข้อเขียนเหล่านี้ได้ถูกรวบรวมมาจากหลายแหล่งข้อมูล จากหลายประเทศ โดยองค์กรสมาคมสัจจธรรมคาทอลิกซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (Catholic Truth Society Pamphlets)  มีบทความหรือจุลสารอยู่เกือบ 1,000 ชิ้น วิธีการคือการรำพึงพระธรรมล้ำลึกโดยใช้ข้อความตามพระคัมภีร์หรือพระวรสาร เป็นหลัก แยกย่อยเป็นข้อความสั้น ๆให้อ่านก่อนการสวดบทข้าแต่พระบิดาและบทวันทามารีย์ในแต่ละบท หมายความว่า ทุก ๆบทข้าแต่พระบิดาของสายประคำเม็ดใหญ่และทุกบทวันทามารีย์ทั้ง 50 เม็ดของสายประคำเม็ดเล็กจะมีข้อความให้เราอ่านเพื่อตีกรอบความคิดและมโนภาพ ของเราให้จดจ่อรำพึงตามแต่ละข้อความนั่นเอง ช่วยจิตใจไม่วอกแวกและไม่ใจลอยระหว่างการสวดสายประคำได้

 

ข้าพเจ้าลองค้นหาข้อมูลวิธีการสวดแบบนี้ แต่ก็ไม่พบในภาษาไทย (อาจมีแต่ข้าพเจ้าค้นหาไม่เจอ) จึงตั้งใจที่จะถอดความให้จบครบทั้ง 4 ภาคหรือ 20 หัวข้อพระธรรมล้ำลึก มี 2 วิธีการหรือ 2 ฉบับ เขียนในช่วงเวลาที่ต่างกัน แต่เป็นหลักการเดียวกันกัน ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจแปลเรียบเรียงให้รวมกันไว้ในที่เดียวกัน เพื่อสะดวกในการใช้สวดและยังใช้เปรียบเทียบกันได้อีกด้วย

 

bead-by-bead-2วิธีหรือรูปแบบการรำพึง

 

วิธีแรกคือ ข้อคิดรำพึงที่ถูกเขียนขึ้นหรือตีพิมพ์ขึ้นก็ไม่ทราบแน่ชัดในปี ค.ศ. 1962 เป็นรูปแบบการสวดรำพึงที่เรียบง่าย ในขณะที่นิ้วมือนับเม็ดสายประคำในแต่ละเม็ด เมื่อสวดจบบทหนึ่งก็เหลือบตาอ่านความคิดรำพึง ก่อนเริ่มสวดในเม็ดต่อไปหรือในแต่ละบทสวด พระธรรมล้ำลึกจะถูกตีความและนำเสนอเป็นข้อสรุปสั้น ๆทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมนำความคิดให้เราสามารถรำพึงถึงชีวิตของพระเยซูคริสต เจ้าในแต่ละช่วงเวลาคือการบังเกิด พระมหาทรมานและการสิ้นพระชนม์ การกลับคืนชีพอย่างรุ่งโรจน์ซึ่งเป็นข้อรำพึงพระธรรมล้ำลึกในการสวดสายประคำนั่นเอง ข้อความดังกล่าวถูกเขียนเรียบเรียงขึ้นใหม่โดยไม่ได้ลอกข้อความในพระวรสารมาทั้งหมดเหมือนวิธีที่ 2

วิธีนี้มี 3 ภาคคือภาคปิติยินดี ภาคพระมหาทรมานและภาคพระสิริรุ่งโรจน์ ไม่มีภาคแสงสว่างเพราะนักบุญสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ทรงเพิ่มขึ้นในปี 2002 นี่เอง ภาษาอังกฤษคือ “PRAYING THE ROSARY Bead by Bead” ไม่มีการกล่าวถึงรายนามผู้เขียน

 

วิธีที่ 2 เรียกว่า “THE SCRIPTURE ROSARY” หรือข้อความรำพึงตามพระวรสารที่ถูกจัดเรียงขึ้นในแต่ละบทสวดเหมือนวิธีแรก ถูกเขียนขึ้นในปี 2008 โดยบราเดอร์และพวกพ้องชื่อ Rev. Bro. Dr. McKenna and others. ดังนั้นจึงมีครบทั้ง 20 หัวข้อหรือ 4 ภาค เป็นข้อเขียนที่คัดลอก อ้างอิงมาจากพระคัมภีร์โดยตรงทั้งพระวรสารและภาคพันธสัญญาเดิมด้วยนิดหน่อย ไม่มีการดัดแปลงข้อความแต่นำมาเรียงต่อกันเป็นเรื่องเล่าในแต่ละหัวข้อพระธรรมล้ำลึก

 

Saint-Louis-Mary-Grignion-de-Montfort

ท่านนักบุญหลุยส์มารี เดอ มงฟอร์ดได้เขียนไว้ในหนังสือ The Secret of the Rosary ของท่านว่า การรำพึงสำหรับการสวดประคำคือบทสรุปพระวรสารที่สั้นแต่สมบูรณ์ เป็นการระลึกถึงชีวิตทั้งครบขององค์พระเยซูเจ้า พระคริสตเจ้าและพระเจ้าของเราชาวคาทอลิก ขอพระเยซูเจ้าและแม่พระทรงโปรดอวยพระพรและมอบสันติสุขให้ท่านนักเขียนจุลสาร ทั้ง 2 ฉบับนี้สำหรับความเพียรพยายามของพวกท่านด้วยเทอญ ที่สามารถรวบรวมสรุปมาให้เราอ่านพิจารณาและรำพึงถึงพระองค์จนครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้ง 4 ภาค อาแมน

 

ตอนแรกข้าพเจ้าจะ เริ่มใส่การแปลเรียบเรียงในภาคแรก ปิติยินดี ในโพสต์นี้ แต่มาดูแล้ว รายละเอียดในแต่ละภาคมันค่อนข้างมาก จึงขอยกยอดไปในโพสต์ต่อไป หลังจากโพสต์เกริ่นนำนี้จะมีต่ออีก 4 โพสต์ด้วยกัน คือโพสต์ละภาคพระธรรมล้ำลึกนั่นเอง

 

ข้าพเจ้าจะบอกลิงค์ที่ท่านสามารถดาว์นโหลดต้นฉบับทั้งสองที่ข้าพเจ้าใช้เรียบเรียงไว้ตอนท้ายของโพสต์สุดท้ายของชุดนี้ นั่นคือในภาคพระสิริรุ่งโรจน์

แบ่งปันประสบการณ์การสวดสายประคำ

 

ก่อนจบ ข้าพเจ้าขอสรุปสั้น ๆว่า จากประสบการณ์ส่วนตัว การสวดสายประคำนั้น ไม่มีรูปแบบที่ตายตัวในการรำพึง แม้แต่การสวดบทหลัก เช่น ข้าแต่พระบิดาและบทวันทามารีย์ยังไม่มีรูปแบบที่แน่นอน บางวันท่านอาจจะสวดออกเสียงออกมาเบา ๆ บางวันอาจจะสวดอยู่ในใจ บางวันสวดพึมพำในลำคอ บางครั้งอาจสวดเป็นจังหวะเสียงดนตรีก็อาจเป็นไปได้ แล้วแต่สถาณการณ์และสภาวะในช่วงเวลานั้นที่ท่านจะรู้สึกได้เองว่าควรสวดแบบใดจึงจะเหมาะสมที่ท่านสามารถยกจิตใจขึ้นหาพระได้ วิธีการหรือรูปแบบในการสวดสายประคำหนึ่งอาจใช้ได้ผลกับคนผู้หนึ่งแต่กลับไม่อาจใช้ได้กับอีกบุคคลหนึ่ง ดังนั้นตลอดเว็บบล็อกเล็ก ๆนี้ท่านจะพบรูปแบบการสวดสายประคำหลากหลายจากหลายแหล่งข้อมูล ข้าพเจ้าเพียรพยายามหาข้อมูลต่าง ๆที่เกี่ยวกับสายประคำมานำเสนออยู่ตราบเท่าที่จะทำได้ เพื่อว่าท่านผู้อ่านจะสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมสำหรับตัวท่านเอง รวมทั้งเป็นแรงจูงใจและเชิญชวนให้ท่านได้สวดสายประคำ

 

สิ่งที่ข้าพเจ้านำเสนอ แปลเรียบเรียงเป็นเพียงแนวทาง ปูทางให้ท่านได้เตรียมจิตใจ ความคิด มโนภาพ ให้พร้อมที่จะสวดสายประคำ ท่านต้องเพียรพยายามสวดด้วยความเชื่อ ด้วยความศรัทธา ด้วยความรักทุ่มเทให้กับพระเยซูเจ้าและแม่พระ จงใช้รูปแบบที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน เมื่อท่านค่อย ๆสวดไปได้สักระยะหนึ่ง ท่านอาจจะพบแนวทางที่เหมาะสมสำหรับตัวท่านเอง ถ้ายังไม่พบก็ลองไปเรื่อย ๆ จงวอนขอแม่พระอย่างสุภาพ ถ่อมตน ให้ท่านรักสายประคำและสามารถสวดสายประคำไปได้ทุก ๆวันจนตลอดชีวิตของท่าน รวมทั้งรบเร้า วอนขอพระหรรษทาน ฤทธิ์กุศลหรือคุณธรรมที่ท่านรู้สีกว่าขาดแคลนหรือไม่มี จงมอบความไว้วางใจทั้งครบแด่แม่พระ สักวันหนึ่งแม่พระคงจะประทานพระพรให้ชีวิตท่านนั้นก้าวหน้าในด้านจิตวิญญาณ ได้บรรลุถึงจุดมุ่งหมายนั่นคือความรอดพ้น ท่านสามารถคาดหวังการเอาตัวรอดไปสวรรค์ได้ แต่อย่ามุ่งหวังถึง ความบรรเทาใจทางด้านจิตวิญญาณ การบรรลุการเข้าญาณ ความมหัศจรรย์ต่าง ๆที่เกิดจากการสวดภาวนาดุจดังนักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เพราะนั่นขึ้นอยู่กับน้ำพระทัย พระประสงค์ พระญาณสอดส่องและพระปรีชาญาณของพระตรีเอกภาพที่จะมอบให้ตามสภาพของแต่ละ บุคคล ไม่มีใครสามารถหยั่งรู้ได้ เราคือใครหรือจึงยกตนเองไปเปรียบกับบรรดานักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ได้?

 

2015 10 26 06.26.14

จงอย่าเอาเยี่ยงอย่างข้าพเจ้าที่เย่อหยิ่งยะโส โฉดเขลา ข้าพเจ้าเดาว่าพระเยซูเจ้าและแม่พระคงอาจจะประทานความบรรเทาเล็ก ๆน้อย ๆให้แก่ข้าพเจ้าบ้างในบางครั้ง จนข้าพเจ้าหลงคิดว่าตนเองคงสวดภาวนาได้ในระดับหนึ่ง แต่หลังจากที่พบความแห้งแล้ง ไม่มีความบรรเทาใจ ข้าพเจ้ากลับไม่มีความสุภาพ อดทน ไม่มีความเพียรพยายามเอาเสียเลย เดชะบุญที่ข้าพเจ้าไม่ทิ้งการสวดบทภาวนาประจำวันอื่น ๆ จึงสามารถหวลกลับมาสวดสายประคำได้อีกครั้ง (ถ้าจะนับกันจริง ๆ ข้าพเจ้าละทิ้งการสวดสายประคำไปประมาณ 4-5 ครั้งแล้ว)

 

ทุกวันนี้ ทุก ๆครั้งที่ข้าพเจ้าสวดสายประคำและบทภาวนาอื่น ๆประจำวันครบถ้วนแล้ว ข้าพเจ้าได้แต่ขอบพระคุณพระเยซูเจ้าและแม่พระที่ได้ทรงพระกรุณาให้ข้าพเจ้า ได้มีโอกาสสวดภาวนา ในขณะที่ผู้คนอื่น ๆอาจไม่มีโอกาสแม้แต่จะสวดบทข้าแต่พระบิดาและวันทามารีย์สักบทด้วยซ้ำ การสวดสายประคำและการอธิษฐานภาวนาคือบ่อเกิดของพระหรรษทานและจำเป็นต่อเราชาวคริสตชนทั้งหลาย สำหรับข้าพเจ้าคนบาปที่ชั่วร้าย ปาฎิหารย์ประจำวันที่เกิดขึ้นก็คือการได้คุกเข่าที่หน้าหิ้งพระที่บ้าน แล้วสวดภาวนา สวดสายประคำ เพื่อเป็นการใช้โทษบาป เพื่อสวดภาวนาอุทิศให้ผู้อื่นและแก่วิญญาณในไฟชำระ แม้ว่าข้าพเจ้าจะสวดได้ไม่ดีเลย แต่ข้าพเจ้าเพียงหวังว่า ปาฎิหารย์นี้จะเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าได้ทุกวันจนวาระสุดท้ายของชีวิต ขอคำภาวนาแก่ข้าพเจ้าด้วย อาแมน

The post สวดสายประคำพร้อมรำพึงตามพระคัมภีร์ในแต่ละบทวันทามารีย์ (บทเกริ่นนำ) appeared first on มาสวดสายประคำกันเถอะ.

สวดสายประคำพร้อมรำพึงตามพระคัมภีร์ในแต่ละบทวันทามารีย์ (1)

$
0
0

 

ท่านใดที่เข้ามาอ่านในโพสต์นี้ ขอให้กรุณาเข้าไปอ่านบทนำก่อน เพื่อปูพื้นความเข้าใจก่อน

สวดสายประคำพร้อมรำพึงตามพระคัมภีร์ในแต่ละบทวันทามารีย์ (บทเกริ่นนำ)

 

ในการใช้การรำพึงตามตารางข้างล่างนี้ ให้เลือกว่าจะรำพึงในแบบใด ข้าพเจ้าได้จัดเรียงตามบทภาวนาในแต่ละทศ อ่านข้อรำพึงแล้วก็สวดตามด้วยบทข้าแต่พระบิดาและบทวันทามารีย์ตามลำดับ

ถ้าต้องการรำพึงตามพระวรสารให้เลือกในช่องคอลัมน์แรก SCRIPTURE ROSARY ตัวหนังสือสีน้ำตาลแดง (ข้าพเจ้าได้คัดลอกเรียบเรียงมาจาก Thai Catholic Bible แปลจากต้นฉบับภาษาฮีบรูและกรีก โดยคุณพ่อ ดร. ฟรังซิส ไกส์และคุณพ่อ ผศ. ทัศไนย์ คมกฤส)

 

ถ้าต้องการรำพึงที่นำเสนอในรูปแบบครุ่นคิด ก็เลือกช่องคอลัมน์ที่สอง Bead by Bead ตัวหนังสือสีน้ำเงินเข้ม (ก็คล้ายคลึงกันแบบแรก มีแตกต่างกันบ้าง จะใช้แบบไหนก็ได้)

 

 annunciation of the blessed virgin mary 05

ภาคที่ 1 พระธรรมล้ำลึกน่ายินดี

ข้อรำพึงเกี่ยวกับการบังเกิดของพระเยซูเจ้า

(สวดวันจันทร์และวันเสาร์)

1. ทูตสวรรค์แจ้งข่าวแก่พระนางมารีย์

 

รำพึงตามพระวรสารในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (ฺSCRIPTURE ROSARY)

ข้อคิดรำพึงในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (Bead by Bead)

เมื่อ​นางเอลี​ซา​เบธ​ตั้ง​ครรภ์​ได้​หก​เดือน​แล้วพระ​เจ้า​ทรง​ส่ง​ทูสวรรค์กา​เบ​รี​ยล​มา​ยัง​เมือง​หนึ่ง​ใน​แคว้น​กา​ลิลี​ชื่อ​เมือง​นา​ซา​เร็ธ,มา​พบ​หญิง​พรหมจารี​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​หมั้น​อยู่​กับ​ชาย​ชื่อ​โย​เซฟ,ใน​ราชวงศ์​ของ​กษัตริย์​ดา​วิด หญิง​พรหมจารี​ผู้​นั้น​ชื่อ​มา​รีย์ (ลก. 1:26-27 ) เทวทูตกาเบรียลประกาศให้พระแม่มารีย์ทราบว่าพระนางกำลังจะเป็นพระมารดาพระเจ้า
ข้าแต่พระบิดา ข้าแต่พระบิดา
ทูต​สวรรค์​เข้า​ใน​บ้าน​กล่าว​กับ​พระ​นาง​ว่า “จง​ยินดี​เถิดท่าน​ผู้​ที่​พระ​เจ้า​โปรดปราน พระ​เจ้า​สถิต​อยู่​กับ​ท่าน” (ลก. 1:28)  พระนางมารีย์กำลังสวดภาวนา
วันทามารีย์เม็ดที่ 1 วันทามารีย์เม็ดที่ 1
 เมื่อ​ทรง​ได้ยิน​ถ้อยคำ​นี้ พระ​นาง​มา​รีย์​ทรง​วุ่นวาย​พระ​ทัย​มาก​ทรง​ถาม​พระ​องค์​เอง​ว่า คำ​ทักทาย​นี้​หมาย​ความ​ว่า​กระไร (ลก. 1:29) พระ​เจ้า​ทรง​ส่ง​ทูต​สวรรค์กา​เบ​รี​ยลมาพบพระนาง
วันทามารีย์เม็ดที่ 2 วันทามารีย์เม็ดที่ 2
 แต่​ทูต​สวรรค์​กล่าว​แก่​พระ​นาง​ว่า “มา​รีย์ อย่า​กลัว​เลย ท่าน​เป็น​ผู้​ที่​พระ​เจ้า​โปรดปราน (ลก. 1:30) ทูตสวรรค์ทักทายเธอด้วยความเคารพอย่างลึกซึ้ง “วันทา เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน พระเจ้าสถิตกับท่าน
วันทามารีย์เม็ดที่ 3 วันทามารีย์เม็ดที่ 3
 ท่าน​จะ​ตั้ง​ครรภ์​และ​ให้​กำเนิด​บุตร​ชาย​คน​หนึ่ง ท่าน​จะ​ตั้ง​ชื่อ​เขา​ว่า​เยซู (ลก. 1:31) พระนางทรงวุ่นวายพระทัยที่ได้ยินการสรรเสริญเช่นนี้
วันทามารีย์เม็ดที่ 4 วันทามารีย์เม็ดที่ 4
เขา​จะ​เป็น​ผู้ยิ่งใหญ่​และ​พระ​เจ้า​ผู้​สูงสุด​จะ​ทรง​เรียก​เขา​เป็น​บุตร​ของ​พระ​องค์ พระ​เจ้า​จะ​ประ​ทาน​พระ​ที่นั่ง​ของ​กษัตริย์​ดา​วิด​บรรพบุรุษ​ให้แก่​เขา เขา​จะ​ปกครอง​วงศ์​ตระกูล​ของยา​โคบ​ตลอดไป​และ​พระ​อาณา​จักร​ของ​เขา​จะ​ไม่​สิ้นสุด​เลย” (ลก. 1:32-33)  ทูตสวรรค์บอกว่าพระนางได้รับเลือกให้เป็นมารดาพระเจ้า
วันทามารีย์เม็ดที่ 5 วันทามารีย์เม็ดที่ 5
 พระ​นาง​มา​รีย์​จึง​ทรง​ถาม​ทูต​สวรรค์​ว่า “เหตุ​การณ์​นี้​จะ​เป็น​ไป​ได้​อย่างไร​เพราะ​ข้าพ​เจ้า​ตั้งใจ​จะ​เป็น​พรหมจารี” (ลก. 1:34) ด้วยความฉงนสนเท่ห์ เป็นไปได้อย่างไรในเมื่อพระนางยังเป็นหญิงพรหมจรรย์
วันทามารีย์เม็ดที่ 6 วันทามารีย์เม็ดที่ 6
ทูต​สวรรค์​ตอบ​ว่า “พระ​จิต​เจ้า​จะ​เสด็จ​ลง​มา​เหนือ​ท่าน​และ​พระ​อานุภาพ​ของ​พระ​ผู้​สูงสุด​จะ​แผ่​เงา​ปกคลุม​ท่าน (ลก. 1:35)  ทูต​สวรรค์กา​เบ​รี​ยล​ปลอบว่า อย่ากลัวเลยพร้อมกับเปิดเผยแผนการของพระเจ้าที่จะสำเร็จไปตามพระธรรมล้ำลึก
วันทามารีย์เม็ดที่ 7 วันทามารีย์เม็ดที่ 7
 เพราะฉะนั้น บุตร​ที่​เกิด​มา​จะ​เป็น​ผู้​ศักดิ์​สิทธิ์​และ​จะ​รับ​นาม​ว่า​บุตร​ของ​พระ​เจ้า (ลก. 1:35 ต่อ) มารีย์ผู้รับใช้ที่นอบน้อมประกาศว่าพระนางพร้อมแล้วสำหรับแผนการของพระเจ้า
วันทามารีย์เม็ดที่ 8 วันทามารีย์เม็ดที่ 8
พระ​นาง​มา​รีย์​จึง​ตรัส​ว่า “ข้าพ​เจ้า​เป็น​ผู้​รับใช้​ของ​พระ​เจ้า ขอ​ให้​เป็น​ไป​กับ​ข้าพ​เจ้า​ตาม​วาจา​ของ​ท่าน​เถิด” แล้ว​ทูต​สวรรค์​ก็​จาก​พระ​นาง​ไป (ลก. 1:38) ณ เวลานั้น พระบุตรก็ทรงปฏิสนธิในครรภ์ของพระนางด้วยอำนาจของพระจิตเจ้า
วันทามารีย์เม็ดที่ 9 วันทามารีย์เม็ดที่ 9
หญิง​พรหมจารี​จะ​ตั้ง​ครรภ์ และ​จะ​คลอด​บุตร​ชาย​ ​​ซึ่ง​จะ​ได้​รับ​นาม​ว่า “อิม​มา​นูเอล”,แปล​ว่า พระ​เจ้า​สถิต​กับ​เรา” (มธ. 1:23)  พระนางมารีย์พรหมจารีผู้บริสุทธิ์ไร้ซึ่งบาปก็ได้เป็นพระมารดาพระเจ้า
วันทามารีย์เม็ดที่ 10 วันทามารีย์เม็ดที่ 10

———————

 the visitation 2 ข้อรำพึงเกี่ยวกับการบังเกิดของพระเยซูเจ้า

2. พระนางมารีย์เสด็จเยี่ยมนางเอลีซาเบธ

(สวดวันจันทร์และวันเสาร์)

รำพึงตามพระวรสารในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (ฺSCRIPTURE ROSARY)

ข้อคิดรำพึงในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (Bead by Bead)

หลัง​จาก​นั้น​ไม่​นาน พระ​นาง​มา​รีย์​ทรง​รีบ​ออก​เดินทาง​ไป​ยัง​เมือง​หนึ่ง​ใน​แถบ​ภูเขา​แคว้น​ยูเดีย
(ลก. 1:39 )
พระนางมารีย์ได้ทราบจากทูตสวรรค์ว่าญาติของพระนาง เอลิซาเบธ ได้ตั้งครรภ์ 6 เดือนแล้ว จึงรีบรุดไปยังเนินเขาแคว้นยูเดียเพื่อเยี่ยมเยียนโดยทันที
ข้าแต่พระบิดา ข้าแต่พระบิดา
พระ​นาง​เสด็จ​เข้า​ไป​ใน​บ้าน​ของ​เศ​คา​ริ​ยาห์​และ​ทรง​ทักทาย​นาง​เอลี​ซา​เบธ (ลก. 1:40) พระนางมารีย์ตรากตรำออกเดินทางอันยาวไกลด้วยความยากลำบาก
วันทามารีย์เม็ดที่ 1 วันทามารีย์เม็ดที่ 1
   เมื่อ​นาง​เอลี​ซา​เบธ​ได้ยิน​คำ​ทักทาย​ของ​พระ​นาง​มา​รีย์ บุตร​ใน​ครรภ์​ก็​ดิ้น นาง​เอลี​ซา​เบธ​ได้​รับ​พระ​จิต​เจ้า​เต็มเปี่ยม (ลก. 1:41) นางเอลิซาเบธต้อนรับเธอด้วยความปิติยินดีและทักทายเธอด้วยความรัก
วันทามารีย์เม็ดที่ 2 วันทามารีย์เม็ดที่ 2
ร้อง​เสียง​ดัง​ว่า “เธอ​ได้​รับ​พระ​พร​ยิ่ง​กว่า​หญิง​ใดๆ และ​ลูก​ของ​เธอ​ก็ได้​รับ​พระ​พร​ด้วย (ลก. 1:42) นางได้กล่าวว่าแม่พระทรงได้รับพระหรรษทานที่เชื่อในคำพูดของทูตสวรรค์
วันทามารีย์เม็ดที่ 3 วันทามารีย์เม็ดที่ 3
เธอ​เป็นสุข​ที่​เชื่อ​ว่า พระ​วาจา​ที่​พระ​เจ้า​ตรัส​แก่​เธอ​ไว้​จะ​เป็นจริง” (ลก. 1:45) โดยได้รับการดลใจจากพระจิตเจ้า นางเอลิซาเบธกล่าวคำสรรเสริญพระผู้ไถ่ในครรภ์พระนางมารีย์
วันทามารีย์เม็ดที่ 4 วันทามารีย์เม็ดที่ 4
พระ​นาง​มา​รีย์ตรัส​ว่า วิญญาณ​ข้าพ​เจ้า​ประกาศ​ความ​ยิ่งใหญ่​ของ​พระ​เจ้า
จิตใจ​ของ​ข้าพ​เจ้า​ชื่นชมยินดี​ใน​พระ​เจ้า พระ​ผู้​กอบกู้​ข้าพ​เจ้า
เพราะ​พระ​องค์​ทอด​พระ​เนตร​ผู้​รับใช้​ต่ำต้อย​ของ​พระ​องค์ (ลก. 1:46 -48)
นางได้ประกาศว่าพระนางมารีย์คือพระมารดาพระเจ้า
วันทามารีย์เม็ดที่ 5 วันทามารีย์เม็ดที่ 5
ตั้งแต่นี้ไป ชน​ทุก​สมัย​จะ​กล่าว​ว่า​ข้าพ​เจ้า​เป็นสุข พระ​ผู้​ทรง​สรร​พา​นุ​ภาพ​ทรง​กระทำ​กิจการ​ยิ่งใหญ่​สำหรับ​ข้าพ​เจ้า
(ลก. 1:48 -49)
พระนางมารีย์สรรเสริญพระเจ้าสำหรับสิ่งมหัศจรรย์ที่ได้ทรงกระทำภายในจิตวิญญาณของพระนาง
วันทามารีย์เม็ดที่ 6 วันทามารีย์เม็ดที่ 6
พระ​นาม​ของ​พระ​องค์​ศักดิ์​สิทธิ์ พระ​กรุณา​ต่อ​ผู้​ยำเกรง​พระ​องค์​แผ่​ไป​ตลอด​ทุก​ยุค​ทุก​สมัย (ลก. 1:49 -50) ทารกในครรภ์ของนางเอลิซาเบธโลดเต้นด้วยความยินดีที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประทับอยู่ใกล้เขา
วันทามารีย์เม็ดที่ 7 วันทามารีย์เม็ดที่ 7
พระ​องค์​ทรง​ยก​พระ​กร​แสดง​พระ​อานุภาพ ทรง​ขับไล่​ผู้​มี​ใจ​มักใหญ่ใฝ่สูง​ให้​กระ​จัด​กระ​จาย​ไป (ลก. 1:51) และในเวลานั้นเอง ทารกในครรภ์ของนางเอลิซาเบธได้ถูกชำระล้างให้ปราศจากบาปกำเนิดและได้รับพระพรศักดิ์สิทธิ์จากพระเจ้า
วันทามารีย์เม็ดที่ 8 วันทามารีย์เม็ดที่ 8
ทรง​คว่ำ​ผู้​ทรง​อำนาจ​จาก​บัลลังก์ และ​ทรง​ยกย่อง​ผู้​ต่ำต้อย​ให้​สูง​ขึ้น (ลก. 1:52 ) เศ​คา​ริ​ยาห์สามีของนางเอลิซาเบธก็หายจากการเป็นใบ้
วันทามารีย์เม็ดที่ 9 วันทามารีย์เม็ดที่ 9
  พระ​องค์​ประ​ทาน​สิ่ง​ดี​ทั้ง​หลาย​แก่​ผู้​อดอยาก ทรง​ส่ง​เศรษฐี​ให้​กลับ​ไป​มือ​เปล่า (ลก. 1:53) เขาจึงได้ทำนายถึงอนาคตอันแสนมหัศจรรย์บุตรของเขาที่เกิดมาเป็นผู้ชำระล้าง
วันทามารีย์เม็ดที่ 10 วันทามารีย์เม็ดที่ 10

———————–

nativity scene by dona gelsinger ข้อรำพึงเกี่ยวกับการบังเกิดของพระเยซูเจ้า


3. พระเยซูเจ้าประสูติ ณ เมืองเบธเลเฮม

(สวดวันจันทร์และวันเสาร์)

รำพึงตามพระวรสารในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (ฺSCRIPTURE ROSARY)

ข้อคิดรำพึงในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (Bead by Bead)

โย​เซฟ​ออก​เดินทาง​จาก​เมือง​นา​ซา​เร็ธ​ใน​แคว้น​กา​ลิลี​ไป​ยัง​เมือง​ของ​ กษัตริย์​ดา​วิด​ชื่อ​เบธเล​เฮ​ม​ใน​แคว้น​ยูเดีย เพราะ​โย​เซฟ​สืบ​เชื้อสาย​มา​จาก​ราชวงศ์​กษัตริย์​ดา​วิด
ท่าน​ไป​ลงทะเบียน​พร้อมกับ​พระ​นาง​มา​รีย์ ซึ่ง​กำลัง​ทรง​พระ​ครรภ์ (ลก. 2:4,5 )
โยเซฟและพระนางมารีย์ปฎิบัติตามพระ​ราชกฤษฎีกาของโรม เดินทางมาเบธเล​เฮ​มเพื่อลงทะเบียนและเพื่อให้แผนการของพระเจ้าสำเร็จไปดัง คำที่ว่า องค์พระบุตรประสูติ ณ ที่นี้
ข้าแต่พระบิดา ข้าแต่พระบิดา
ขณะที่​อยู่​ที่นั่น ก็​ถึง​กำหนด​เวลา​ที่​พระ​นาง​มา​รีย์​จะ​มี​พระ​ประสูติ​กาล (ลก. 2:6) แม่พระและนักบุญโยเซฟเดินทางออกจากนาซาแร็ธ
วันทามารีย์เม็ดที่ 1 วันทามารีย์เม็ดที่ 1
พระ​นาง​ประสูติ​พระ​โอรส​องค์​แรกทรง​ใช้​ผ้า​พัน​พระ​วรกาย​พระ​กุมาร​นั้น (ลก. 2:7) ที่เบธเลแฮม ห้องพักต่าง ๆเต็มหมดและไม่มีใครยอมให้พวกเขาเข้าพักเลย
วันทามารีย์เม็ดที่ 2 วันทามารีย์เม็ดที่ 2
แล้ว​ทรง​วาง​ไว้​ใน​ราง​หญ้า เนื่องจาก​ไม่​มี​ที่​ใน​ห้องพัก​แรม​เลย (ลก. 2:7 ต่อ)​ พวกเขาเฝ้าเดินหาจนกระทั่งพบถ้ำเลี้ยงสัตว์เล็ก ๆแห่งหนึ่ง
วันทามารีย์เม็ดที่ 3 วันทามารีย์เม็ดที่ 3
ใน​บริเวณ​นั้น​มี​คน​เลี้ยง​แกะ​กลุ่ม​หนึ่ง​อยู่​กลางแจ้ง กำลัง​เฝ้า​ฝูง​แกะ​ใน​ยาม​กลางคืน
ทูต​สวรรค์​องค์​หนึ่ง​ของ​พระ​เจ้า​ปรากฏ​องค์​ต่อหน้า​เขา และ​พระ​สิริ​ของ​พระ​เจ้า​ก็​ส่องแสง​รอบ​ตัว​เขา คน​เลี้ยง​แกะ​มี​ความ​กลัว​อย่างยิ่ง (ลก. 2:8-9)
พระนางมารีย์ได้ทรงกำเนิดบุตรชายคือพระเยซูและพวกเขาทั้งสองให้ความเคารพรักยิ่ง
วันทามารีย์เม็ดที่ 4 วันทามารีย์เม็ดที่ 4
แต่​ทูต​สวรรค์​กล่าว​แก่​เขา​ว่า “อย่า​กลัว​เลย เพราะ​เรา​นำ​ข่าว​ดี​มาบ​อก​ท่าน​ทั้ง​หลาย เป็น​ข่าว​ดี​ที่​จะ​ทำ​ให้​ประชาชน​ทุก​คน​ยินดี​อย่างยิ่ง (ลก. 2:10) พระนางห่อหุ้มพระกุมารด้วยผ้าและวางพระองค์ไว้ในรางหญ้า
วันทามารีย์เม็ดที่ 5 วันทามารีย์เม็ดที่ 5
 วันนี้ ใน​เมือง​ของ​กษัตริย์​ดา​วิด พระ​ผู้​ไถ่​ประสูติ​เพื่อ​ท่าน​แล้ว พระ​องค์​คือ​พระ​คริสต์ องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า (ลก. 2:11) ทูต​สวรรค์ปรากฏขึ้นท่ามกลางคนเลี้ยงแกะเพื่อแจ้งข่าวพระผู้ไถ่ที่เพิ่งทรงบังเกิด
วันทามารีย์เม็ดที่ 6 วันทามารีย์เม็ดที่ 6
ทัน​ใด​นั้น ทูต​สวรรค์​อีก​จำนวน​มาก​ปรากฏ​มา​สมทบ​กับ​ทูต​สวรรค์​องค์​นั้น ร้อง​สรร​เสริญ​พระ​เจ้า​ว่า
พระ​สิริ​รุ่งโรจน์​จง​มี​แด่​พระ​เจ้า​ใน​สวรรค์​สูงสุด และ​บน​แผ่น​ดิน สันติ​จง​มี​แก่​มนุษย์​ที่​พระ​องค์​โปรดปราน (ลก. 2:13-14)
ทูต​สวรรค์​อีก​จำนวน​มาก​ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญ “พระ​สิริ​รุ่งโรจน์​จง​มี​แด่​พระ​เจ้า สันติสุข​จง​มี​แก่​มนุษย์​ที่​พระ​องค์​โปรดปราน”
วันทามารีย์เม็ดที่ 7 วันทามารีย์เม็ดที่ 7
ใน​รัช​ สมัย​กษัตริย์​เฮ​โร​ดพระ​เยซู​เจ้า​ประสูติ​ที่​เมือง​เบธเล​เฮ​ม​ใน​แคว้น ยูเดีย โหราจารย์​บาง​ท่าน​จาก​ทิศ​ตะวัน​ออกเดินทาง​มา​ยัง​กรุง​เย​รู​ซา​เล็ม (มธ. 2:1 )
เขา​เข้า​ไป​ใน​บ้าน พบ​พระ​กุมาร​กับ​พระ​นาง​มา​รีย์​พระ​มารดา จึง​คุกเข่า​ลง​นมัสการ​พระ​องค์  (มธ. 2:11)
พญา 3 องค์จากทิศตะวันออก นำทางโดยดวงดาวที่สุกใส ตามหากษัตริย์ของชาวยิวที่ทรงบังเกิด
วันทามารีย์เม็ดที่ 8 วันทามารีย์เม็ดที่ 8
แล้ว​เปิด​หีบ​สมบัติ​นำ​ทองคำ กำยาน และ​มด​ยอบออก​มา​ถวาย​พระ​องค์ (มธ. 2:11 ต่อ) พวกเขาทำความเคารพพระกุมารและมอบถวายทองคำ กำยานและมดยอบแด่พระองค์
วันทามารีย์เม็ดที่ 9 วันทามารีย์เม็ดที่ 9
  ส่วน​พระ​นาง​มา​รีย์​ทรง​เก็บ​เรื่อง​ทั้งหมด​เหล่า​นี้​ไว้​ใน​พระ​ทัย​และ​ยัง​ทรง​คำนึง​ถึง​อยู่ (ลก. 2:19) กษัตริย์​เฮ​โร​ดค้นหาพระกุมารเยซูและได้ทำการสังหารหมู่เหล่าทารกผู้บริสุทธิ์
วันทามารีย์เม็ดที่ 10 วันทามารีย์เม็ดที่ 10

———–

 baby jesus in temple ข้อรำพึงเกี่ยวกับการบังเกิดของพระเยซูเจ้า

4. พระนางมารีย์ถวายพระกุมารในพระวิหาร

(สวดวันจันทร์และวันเสาร์)

รำพึงตามพระวรสารในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (ฺSCRIPTURE ROSARY)

ข้อคิดรำพึงในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (Bead by Bead)

เมื่อ​ครบ​กำหนด​เวลา​ที่​มารดา​และ​บุตร​จะ​ต้อง​ทำ​พิธี​ชำระ​มลทินตาม​ธรรม​บัญญัติ​ของ​โมเสส โยเซฟ​พร้อมกับ​พระ​นาง​มา​รีย์​นำ​พระ​กุมาร​ไป​ที่​กรุง​เย​รู​ซา​เล็ม​เพื่อ​ถวาย​แด่​พระ​เจ้า (ลก. 2:22)
40 วันต่อมาหลังจากที่พระเยซูเจ้าทรงบังเกิด พระนางมารีย์นำพระกุมารเยซูมาที่พระวิหารเพื่อพิธีชำระล้างและถวายแด่พระเป็นเจ้า
ข้าแต่พระบิดา ข้าแต่พระบิดา
โยเซฟ​พร้อมกับ​พระ​นาง​มา​รีย์​นำ​พระ​กุมาร​ไป​ที่​กรุง​เย​รู​ซา​เล็ม​เพื่อ​ถวาย​แด่​พระ​เจ้า (ลก. 2:22) โยเซฟและพระนางมารีย์นำพระกุมารเยซูมาที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อทำพิธีในพระวิหาร
วันทามารีย์เม็ดที่ 1 วันทามารีย์เม็ดที่ 1
  เวลา​นั้น ที่​กรุง​เย​รู​ซา​เล็ม ชาย​ผู้​หนึ่ง​ชื่อสิ​เม​โอน เป็น​คน​ชอบ​ธรรม​และ​ยำเกรง​พระ​เจ้า เขา​รอคอย​ความ​รอด​พ้น​ของ​อิสราเอล พระ​จิต​เจ้า​สถิต​อยู่​กับ​เขา (ลก. 2:25)  พวกเขาทั้งสองเดินเข้าไปในลานพระวิหารอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวและผ่านบรรดาฝูงชนโดยไม่มีใครสนใจ
วันทามารีย์เม็ดที่ 2 วันทามารีย์เม็ดที่ 2
และ​ทรง​เปิดเผย​ให้​เขา​รู้​ว่า เขา​จะ​ไม่​ตาย​ก่อน​ที่​จะ​ได้​เห็น​พระ​คริสต์​ของ​พระ​เจ้า (ลก. 2:26)  พระนางมารีย์ถวายนกพิราบ 1 คู่แด่พระเจ้าเพื่อทำพิธีชำระล้าง
วันทามารีย์เม็ดที่ 3 วันทามารีย์เม็ดที่ 3
พระ​จิต​เจ้า​ทรง​นำ​สิ​เม​โอน​เข้า​ไป​ใน​พระ​วิหาร ขณะที่​โย​เซฟ​พร้อมกับ​พระ​นาง​มา​รีย์​นำ​พระ​กุมาร​เข้า​มา​ปฏิบัติ​ตาม​ที่​ธรรม​บัญญัติ​กำหนด​ไว้
สิ​เม​โอน​รับ​พระ​กุมาร​มา​อุ้ม​ไว้ และ​กล่าว​ถวาย​พระ​พร​แด่​พระ​เจ้า​ว่า (ลก. 2:27 -28)
 โยเซฟทำการถวายพระกุมารแก่บรรดาพระประจำพระวิหารเพื่อทำพิธีชำระล้างและถวายแด่พระเจ้า
วันทามารีย์เม็ดที่ 4 วันทามารีย์เม็ดที่ 4
ข้า​แต่​พระ​เจ้า บัดนี้ พระ​องค์​ทรง​ปล่อย​ผู้​รับใช้​ของ​พระ​องค์​ไป​เป็นสุข ตาม​พระ​ดำรัส​ของ​พระ​องค์ (ลก. 2:29) พระกุมารเยซูได้ถูกทูลถวายและเป็นเครื่องบูชาตัวพระองค์เองแด่พระเจ้าเพื่อช่วยให้พวกเราทั้งหลายได้รอดพ้น
วันทามารีย์เม็ดที่ 5 วันทามารีย์เม็ดที่ 5
เพราะ​นัยน์ตา​ของ​ข้าพ​เจ้า​ได้​เห็น​องค์​พระ​ผู้ช่วย​ให้​รอด​พ้น
ผู้​ที่​พระ​องค์​ทรง​จัดเตรียม​ไว้​สำหรับ​นานา​ประชาชาติ (ลก. 2:30-31)
โดยได้รับการดลใจจากพระจิตเจ้า ผู้เฒ่าสิเมโอนได้เข้ามาในพระวิหารเพื่อพบกับพระกุมารและท่านทั้งสองผู้ได้รับการคัดสรรจากพระเป็นเจ้า
วันทามารีย์เม็ดที่ 6 วันทามารีย์เม็ดที่ 6
 เป็น​แสง​สว่าง​เปิดเผย​ให้​คน​ต่างชาติ​รู้จัก​พระ​องค์ และ​เป็น​สิริ​รุ่งโรจน์​สำหรับ​อิสราเอล​ประชากร​ของ​พระ​องค์ (ลก. 2:32) เมื่อได้อุ้มพระกุมารไว้ในอ้อมแขน สิเมโอนก็ได้สรรเสริญพระเจ้าและขอพระพรแด่ท่านทั้งสองด้วย
วันทามารีย์เม็ดที่ 7 วันทามารีย์เม็ดที่ 7
 สิ​เม​โอน​อวย​พร​ท่าน​ทั้ง​สอง​และ​กล่าว​แก่​พระ​นาง​มา​รีย์ พระ​มารดา​ว่า “พระ​เจ้า​ทรง​กำหนด​ให้​กุมาร​นี้​เป็น​เหตุ​ให้​คน​จำนวน​มาก​ใน​อิสราเอล ​ต้อง​ล้ม​ลง หรือ​ลุก​ขึ้น และ​เป็น​เครื่อง​หมาย​แห่ง​การ​ต่อต้าน (ลก. 2:34)  เขาทำนายถึงอนาคตของพระกุมารเยซูว่า่ได้ถูกกำหนดมาเพื่อการล่มลสายและการฟื้นคืนของผู้คนจำนวนมากในอิสราเอล
วันทามารีย์เม็ดที่ 8 วันทามารีย์เม็ดที่ 8
  เพื่อ​ความ​ในใจ​ของ​คน​จำนวน​มาก​จะ​ถูก​เปิดเผย” ส่วน​ท่านดาบ​จะ​แทง​ทะลุ​จิตใจ​ของ​ท่าน (ลก. 2:35) ดาบจะทิ่มแทงจิตวิญญาณของพระนางมารีย์และสิ่งที่ซุกซ่อนภายในใจของผู้คนจำนวนมากจะถูกเปิดเผย
วันทามารีย์เม็ดที่ 9 วันทามารีย์เม็ดที่ 9
  เมื่อ​โย​เซฟ​พร้อมกับ​พระ​นาง​มา​รีย์​ปฏิบัติ​ตาม​ที่​ธรรม​บัญญัติ​ของ​ พระ​เจ้า​กำหนด​ไว้​สำเร็จ​ทุก​ประการ​แล้ว ก็​กลับ​ไป​ที่นา​ซา​เร็ธ เมือง​ของ​ตน​ใน​แคว้น​กา​ลิลี
พระ​กุมาร​ทรง​เจริญวัย​แข็งแรง​ขึ้น ทรง​พระ​ปรีชา​ญาณ​อย่าง​สมบูรณ์ และ​พระ​หรรษ​ทาน​ของ​พระ​เจ้า​สถิต​อยู่​กับ​พระ​องค์ (ลก. 2:39-40)
ประ​กา​ศก​หญิง​คน​หนึ่งชื่อ​อัน​นาได้เข้ามาและยืนยันว่าพระกุมารนั้นคือพระผู้ไถ่กู้โลกที่พวกยิวได้คาดหวังและรอคอย
วันทามารีย์เม็ดที่ 10 วันทามารีย์เม็ดที่ 10

——–

the finding jesus inthe temple ข้อรำพึงเกี่ยวกับการบังเกิดของพระเยซูเจ้า

5. พระนางมารีย์พบพระเยซูเจ้าในพระวิหาร

(สวดวันจันทร์และวันเสาร์)

รำพึงตามพระวรสารในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (ฺSCRIPTURE ROSARY)

ข้อคิดรำพึงในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (Bead by Bead)

 โย​เซฟ​พร้อมกับ​พระ​มารดา​ของ​พระ​เยซู​เจ้า​เคย​ขึ้น​ไป​ยัง​กรุง​เย​รู​ซา​เล็ม​ใน​เทศกาล​ปัส​กา​ทุก​ปี (ลก. 2:41)
หลังจากที่พระองค์ทรงประทับอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มเป็นเวลา 3 วันจากการพลัดหลงกับพระมารดาและนักบุญโยเซฟ พวกท่านได้พบพระเยซูเจ้าในพระวิหาร
ข้าแต่พระบิดา ข้าแต่พระบิดา
 เมื่อ​พระ​องค์​มี​พระ​ชน​มา​ยุ​สิบ​สอง​พรรษา โยเซฟ​พร้อมกับ​พระ​มารดา​ก็​ขึ้น​ไป​กรุง​เย​รู​ซา​เล็ม​ตาม​ธรรม​เนียม​ของ​เทศกาล​นั้น (ลก. 2:42) พระเยซูเจ้าทรงมีพระชนมายุ 12 พรรษา โยเซฟและพระนางมารีย์ไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกา
วันทามารีย์เม็ดที่ 1 วันทามารีย์เม็ดที่ 1
เมื่อ​วันฉลอง​สิ้นสุด​ลง ทุก​คน​ก็​เดินทาง​กลับ แต่​พระ​เยซู​เจ้า​ยัง​ประทับ​อยู่​ที่​กรุง​เย​รู​ซา​เล็ม​โดย​ที่​บิดา​มารดา​ไม่​รู้ (ลก. 2:43) ในขณะที่เดินทางกลับท่านทั้งสองได้พบว่าพระองค์มิได้กลับมาด้วย
วันทามารีย์เม็ดที่ 2 วันทามารีย์เม็ดที่ 2
เมื่อ​ไม่​พบ​จึง​กลับ​ไป​กรุง​เย​รู​ซา​เล็ม เพื่อ​ตาม​หา​พระ​องค์​ที่นั่น
ใน​วันที่​สามโย​เซฟ​พร้อมกับ​พระ​นาง​มา​รีย์​พบ​พระ​องค์​ใน​พระ​วิหาร​ (ลก. 2:45-46)
พวกท่านพยายามหาพระองค์ในหมู่ญาติแต่ไม่พบจึงหวลกลับสู่กรุงเยรูซาเล็ม
วันทามารีย์เม็ดที่ 3 วันทามารีย์เม็ดที่ 3
​ประทับ​นั่ง​อยู่​ใน​หมู่​อาจารย์ ทรง​ฟัง​และ​ทรง​ไต่ถาม​พวกเขา (ลก. 2:46) พระนางมารีย์ทรงเศร้าโศกเสียใจมากที่พวกท่านพยายามหาพระเยซูเจ้าเท่าไรก็ไม่พบ
วันทามารีย์เม็ดที่ 4 วันทามารีย์เม็ดที่ 4
 ทุก​คน​ที่​ได้​ฟัง​พระ​องค์​ต่าง​ประ​หลาด​ใจ​ใน​พระ​ปรีชา​ที่​ทรง​แสดง​ใน​การ​ตอบ​คำถาม (ลก. 2:47) ด้วยความอ้างว้างและเปล่าเปลี่ยวอย่งที่สุด พวกท่านจึงได้เข้าไปในพระวิหารเพื่อสวดภาวนา วอนขอแสงสว่างเพื่อขอคำแนะนำควรจะทำอย่างไรต่อไปเพื่อให้พบพระองค์
วันทามารีย์เม็ดที่ 5 วันทามารีย์เม็ดที่ 5
เมื่อ​โย​เซฟ​พร้อมกับ​พระ​นาง​มา​รีย์​เห็น​พระ​องค์​ก็​รู้สึก​แปลกใจ พระ​มารดา​จึง​ตรัส​ถาม​พระ​องค์​ว่า “ลูก​เอ๋ย ทำไม​จึง​ทำ​กับ​เรา​เช่นนี้ ดู​ซิ พ่อ​กับ​แม่​ต้อง​กังวลใจ​ตาม​หา​ลูก” (ลก. 2:48)  และแล้วพวกท่านก็ได้พบพระองค์ในพระวิหาร ท่ามกลางนักปราชญ์ ทรงกำลังฟัง ไต่ถามและตอบคำถามต่าง ๆด้วยพระปรีชาญาณอันชาญฉลาด
วันทามารีย์เม็ดที่ 6 วันทามารีย์เม็ดที่ 6
พระ​องค์​ตรัส​ตอบ​ว่า “พ่อ​กับ​แม่​ตาม​หา​ลูก​ทำไม พ่อแม่​ไม่​รู้​หรือว่า ลูก​ต้อง​อยู่​ใน​บ้าน​ของ​พระ​บิดา​ของ​ลูก” (ลก. 2:49) พระมารดาตรัสถามพระองค์ทำไมจึงหลีกหนีมาอยู่ที่นี่ทำให้พ่อกับแม่เป็นห่วงกังวลใจมาก
วันทามารีย์เม็ดที่ 7 วันทามารีย์เม็ดที่ 7
 โย​เซฟ​พร้อมกับ​พระ​นาง​มา​รีย์​ไม่​เข้าใจ​ที่​พระ​องค์​ตรัส (ลก. 2:50)  พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า พระองค์กำลังทำงานที่ได้รับมอบหมายมาจากพระบิดาบนสวรรค์
วันทามารีย์เม็ดที่ 8 วันทามารีย์เม็ดที่ 8
พระ​เยซู​ เจ้า​เสด็จ​กลับ​ไป​ที่​เมือง​นา​ซา​เร็ธ​กับ​บิดา​มารดา​และ​เชื่อฟัง​ท่านทั้ง​สอง พระ​มารดา​ทรง​เก็บ​เรื่อง​ทั้งหมด​เหล่า​นี้​ไว้​ใน​พระ​ทัย (ลก. 2:51) พระองค์ได้ทรงกลับไปนาซาเร็ธพร้อมกับท่านทั้งสองที่เปี่ยมไปด้วยความปิติยินดีที่ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้าอีกครั้งหนึ่ง
วันทามารีย์เม็ดที่ 9 วันทามารีย์เม็ดที่ 9
พระ​เยซู​เจ้า​ทรง​เจริญ​ขึ้น​ทั้ง​ใน​พระ​ปรีชา​ญาณ พระ​ชน​มา​ยุ และ​พระ​หรรษ​ทาน​เฉพาะ​พระ​พักตร์​ของ​พระ​เจ้า​และ​ต่อหน้า​มนุษย์ (ลก. 2:52) พระองค์ได้ทรงนอบน้อมเชื่อฟังบิดามารดา ทรงเจริญชีวิตภาวนาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและอย่างยากจนในสายตามนุษย์
วันทามารีย์เม็ดที่ 10 วันทามารีย์เม็ดที่ 10

 

The post สวดสายประคำพร้อมรำพึงตามพระคัมภีร์ในแต่ละบทวันทามารีย์ (1) appeared first on มาสวดสายประคำกันเถอะ.

สวดสายประคำพร้อมรำพึงตามพระคัมภีร์ในแต่ละบทวันทามารีย์ (2)

$
0
0

นักบุญสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่สอง ทรงเพิ่มพระธรรมล้ำลึกแห่งความสว่างนี้ขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ. 2002 ดังนั้นการรำพึงในภาคนี้จะมีเฉพาะรำพึงตามพระวรสารหรือ THE SCRIPTURE ROSARY เท่านั้น ต้นฉบับที่ใช้เรียบเรียงเขียนขึ้นในปี ค.ศ. 2008  ส่วนข้อคิดรำพึงในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (Bead by Bead) นั้นเขียนขึ้นในปี 1962 จึงไม่มีพระธรรมล้ำลึกภาคแสงสว่าง

 

(เหมือนเดิม ข้าพเจ้าได้คัดลอกแปลเรียบเรียงมาจาก Thai Catholic Bible ซึ่งแปลจากต้นฉบับภาษาฮีบรูและกรีก โดยคุณพ่อ ดร. ฟรังซิส ไกส์และคุณพ่อ ผศ. ทัศไนย์ คมกฤส)

 

ท่านใดที่เข้ามาอ่าน ขอให้กรุณาเข้าไปอ่านบทนำก่อน เพื่อปูพื้นความเข้าใจ

สวดสายประคำพร้อมรำพึงตามพระคัมภีร์ในแต่ละบทวันทามารีย์ (บทเกริ่นนำ)

 

baptism inthe jordan

ภาคที่ 2 พระธรรมล้ำลึกแห่งความสว่าง

ข้อรำพึงเกี่ยวกับชีวิตเปิดเผยและภารกิจของพระเยซูเจ้า

(สวดวันพฤหัส)

1. พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง ณ แม่น้ำจอร์แดน

บทข้าแต่พระบิดา ใน​ครั้งนั้นยอห์น ผู้ทำ​พิธี​ล้าง​มา​ประกาศ​สอน​ใน​ถิ่น​ทุร​กัน​ดาร​แห่ง​ยูเดีย ยอห์​นก​ล่า​ว​ว่า “จง​กลับใจ​เถิดอาณา​จักร​สวรรค์อยู่​ใกล้​แล้ว” (มธ.3:1-2)
วันทามารีย์เม็ดที่ 1 ยอห์น​ผู้​นี้​คือ​ผู้​ที่​ประ​กา​ศก​อิสยาห์​ได้​กล่าว​ถึง​ว่า คน​คน​หนึ่ง​ร้อง​ตะโกน​ใน​ถิ่น​ทุร​กัน​ดาร​ว่า “จง​เตรียม​ทาง​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า จง​ทำ​ทางเดิน​ของ​พระ​องค์​ให้​ตรง​เถิด” (มธ. 3:3)
วันทามารีย์เม็ดที่ 2 ข้าพ​เจ้า​ใช้​น้ำ​ทำ​พิธี​ล้าง​ให้​ท่าน​ทั้ง​หลาย เพื่อให้​สำนึก​ผิด​กลับใจ แต่​ผู้​ที่​จะ​มา​ภายหลัง​ข้าพ​เจ้า ทรง​อำนาจ​ยิ่ง​กว่า​ข้าพ​เจ้า และ​ข้าพ​เจ้า​ไม่​สมควร​แม้แต่​จะ​ถือ​รองเท้า​ของ​เขา เขา​จะ​ทำ​พิธี​ล้าง​ให้​ท่าน​เดชะ​พระ​จิต​เจ้า​และ​ไฟ (มธ. 3:11)
วันทามารีย์เม็ดที่ 3 เวลา​นั้น พระ​เยซู​เจ้า​เสด็จ​มา​จาก​แคว้น​กา​ลิลี​ถึง​แม่น้ำ​จอร์แดน เพื่อ​รับ​พิธี​ล้าง​จาก​ยอห์น (มธ. 3:13)
วันทามารีย์เม็ดที่ 4 ยอห์น​พยายาม​ชักชวน​พระ​องค์​ให้​เปลี่ยน​พระ​ทัย เขา​กล่าว​ว่า “ข้าพ​เจ้า​ควร​จะ​รับ​พิธี​ล้าง​จาก​ท่าน แต่​ท่าน​กลับ​มา​พบ​ข้าพ​เจ้า” (มธ. 3:14)
วันทามารีย์เม็ดที่ 5 พระ​เยซู​เจ้า​ตรัส​ตอบ​ว่า “เวลา​นี้ ปล่อย​ให้​เป็น​เช่นนี้​ก่อน เพราะ​เรา​ควร​จะ​ทำ​ทุกอย่าง​ตาม​พระ​ประสงค์​ของ​พระ​เจ้า” ยอห์น​จึง​ยอม​ทำ​ตาม (มธ. 3:15)
วันทามารีย์เม็ดที่ 6 เมื่อ​พระ​เยซู​เจ้า​ทรง​รับ​พิธี​ล้าง​แล้ว เสด็จ​ขึ้น​จาก​น้ำ ทัน​ใด​นั้น​ท้องฟ้า​เปิด​ออกพระ​องค์​ทอด​พระ​เนตร​เห็น​พระ​จิต​ของ​พระ​เจ้า​เสด็จ​ลง​มา เหนือ​พระ​องค์​ดุจ​นกพิราบ (มธ. 3:16)
วันทามารีย์เม็ดที่ 7 และ​มี​เสียง​จาก​สวรรค์​กล่าว​ว่า “ผู้​นี้​เป็น​บุตร​สุดที่รัก​ของ​เรา เป็น​ที่​โปรดปราน​ของ​เรา” (มธ. 3:17)
วันทามารีย์เม็ดที่ 8 พระ​เจ้า​ทรง​ส่ง​ชาย​ผู้​หนึ่ง​มา​เขา​ชื่อ ยอห์น เขา​มา​ใน​ฐานะ​พยาน​เพื่อ​เป็น​พยาน​ถึง​แสง​สว่าง (ยน. 1:6-7)
วันทามารีย์เม็ดที่ 9 วันรุ่งขึ้น ยอห์นเห็น​พระ​เยซู​เจ้า​เสด็จ​มา​หา​ตน จึง​กล่าว​ว่า “นี่​คือ​ลูก​แกะ​ของ​พระ​เจ้าผู้​ทรง​ลบล้าง​บาป​ของ​โลก (ยน. 1:29)
วันทามารีย์เม็ดที่10 ยอห์น​ยัง​ยืนยัน​อีก​ว่า “ข้าพ​เจ้า​เห็น​พระ​จิต​เจ้า​เสด็จ​ลง​มา​จาก​สวรรค์​เหมือน​นกพิราบและ​ทรง​อยู่​เหนือ​พระ​องค์ ข้าพ​เจ้า​ไม่​รู้จัก​พระ​องค์ แต่​ผู้​ที่​ทรง​ส่ง​ข้าพ​เจ้า​มา​ใช้​น้ำ​ทำ​พิธี​ล้าง ตรัส​แก่​ข้าพ​เจ้า​ว่า “เจ้า​เห็น​พระ​จิต​เจ้า​เสด็จ​ลง​มา​ประทับ​อยู่​เหนือ​ผู้ใด ผู้​นั้น​คือ​ผู้​ที่​ทำ​พิธี​ล้าง​เดชะ​พระ​จิต​เจ้า” ข้าพ​เจ้า​เห็น และ​เป็น​พยาน​ยืนยัน​ว่า ท่าน​ผู้​นี้​เป็น​พระ​บุตร​ของ​พระ​เจ้า” (ยน. 1:32-34)

————-

 wedding feast a cana09sm ข้อรำพึงเกี่ยวกับชีวิตเปิดเผยและภารกิจของพระเยซูเจ้า

2. พระเยซูเจ้าทรงเผยพระองค์เองในงานมงคลสมรส ณ หมู่บ้านคานา

(สวดวันพฤหัส)
บทข้าแต่พระบิดา สาม​วัน​ต่อมามี​งาน​สมรส​ที่​หมู่บ้าน​คา​นา​ใน​แคว้น​กา​ลิลี พระ​มารดา​ของ​พระ​เยซู​เจ้า​ทรง​อยู่​ใน​งาน​นั้น (ยน. 2:1)
วันทามารีย์เม็ดที่ 1 พระ​เยซู​เจ้า​ทรง​ได้​รับ​เชิญ​พร้อมกับ​บรรดา​ศิษย์​มา​ใน​งาน​นั้น​ด้วย (ยน. 2:2)
วันทามารีย์เม็ดที่ 2 เมื่อ​เหล้าองุ่น​หมด พระ​มารดา​ของ​พระ​เยซู​เจ้า​จึง​มา​ทูล​พระ​องค์​ว่า “เขา​ไม่​มี​เหล้าองุ่น​แล้ว” (ยน. 2:3)
วันทามารีย์เม็ดที่ 3 พระ​เยซู​เจ้า​ตรัส​ว่า “แม่​ครับแม่​ต้อง​การ​อะไร​จาก​ลูกเวลา​ของ​ลูกยัง​มา​ไม่​ถึง” (ยน. 2:4)
วันทามารีย์เม็ดที่ 4 พระ​มารดา​ของ​พระ​เยซู​เจ้า​จึง​กล่าว​แก่​บรรดา​คนรับใช้​ว่า “เขา​บอก​ให้​ท่าน​ทำ​อะไร ก็​จง​ทำ​เถิด” (ยน. 2:5)
วันทามารีย์เม็ดที่ 5 ที่นั่น​มี​โอ่ง​หิน​ตั้งอยู่​หก​ใบ เพื่อ​ใช้​ชำระ​ตาม​ธรรม​เนียม​ของ​ชาว​ยิว แต่ละ​ใบ​จุ​น้ำ​ได้​ประ​มาณ​หนึ่ง​ร้อย​ลิตร พระ​เยซู​เจ้า​ตรัส​กับ​บรรดา​คนรับใช้​ว่า “จง​ตัก​น้ำ​ใส่​โอ่ง​ให้​เต็ม” เขา​ก็​ตัก​น้ำ​ใส่​จน​เต็ม​ถึง​ขอบ (ยน. 2:6-7)
วันทามารีย์เม็ดที่ 6 แล้ว​พระ​องค์​ทรง​สั่ง​เขา​อีก​ว่า “จง​ตัก​ไป​ให้​ผู้​จัด​งานเลี้ยง​เถิด” เขา​ก็​ตัก​ไป​ให้ (ยน. 2:8)
วันทามารีย์เม็ดที่ 7 ผู้​จัด​งานเลี้ยง​ได้​ชิม​น้ำ​ที่​เปลี่ยน​เป็น​เหล้าองุ่น​แล้ว ไม่​รู้​ว่า​เหล้า​นี้​มา​จาก​ไหน แต่​คนรับใช้​ที่​ตัก​น้ำ​รู้ดี ผู้​จัด​งานเลี้ยง​จึง​เรียก​เจ้าบ่าว​มา (ยน. 2:9)
วันทามารีย์เม็ดที่ 8 พูด​ว่า “ใครๆ เขา​นำ​เหล้าองุ่น​อย่าง​ดี​มา​ให้​ก่อน เมื่อ​บรรดา​แขก​ดื่ม​มาก​แล้ว จึง​นำ​เหล้าองุ่น​อย่าง​รอง​มา​ให้ แต่​ท่าน​เก็บ​เหล้า​อย่าง​ดี​ไว้​จนถึง​บัดนี้” (ยน. 2:10)
วันทามารีย์เม็ดที่ 9 พระ​เยซู​เจ้า​ทรง​กระทำ​เครื่อง​หมาย​อัศจรรย์ครั้ง​แรก​นี้​ที่​หมู่บ้าน​คา​นา แคว้น​กา​ลิลี พระ​องค์​ทรง​แสดง​พระ​สิริ​รุ่งโรจน์​ของ​พระ​องค์ และ​บรรดา​ศิษย์​เชื่อ​ใน​พระ​องค์ (ยน. 2:11)
วันทามารีย์เม็ดที่10 หลัง​จาก​นี้ พระ​เยซู​เจ้า​เสด็จ​ไป​เมือง​คา​เปอร​นา​อุม​พร้อมกับ​พระ​มารดา​ญาติ​พี่​น้อง​และ​บรรดา​ศิษย์ ทุก​คน​พำนัก​อยู่​ที่นั่น​เพียง​สอง​สาม​วัน (ยน. 2:12)

————–

 cc proclamation ข้อรำพึงเกี่ยวกับชีวิตเปิดเผยและภารกิจของพระเยซูเจ้า

3. พระเยซูเจ้าทรงประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า และทรงเรียกผู้คนให้กลับใจ

(สวดวันพฤหัส)
บทข้าแต่พระบิดา หลัง​จาก​ที่​ยอห์น​ถูก​จองจำ พระ​เยซู​เจ้า​เสด็จ​ไป​ยัง​แคว้น​กา​ลิลี ทรง​ประกาศ​เทศนา​ข่าว​ดี​ของ​พระ​เจ้า ตรัส​ว่า (มก. 1:14)
วันทามารีย์เม็ดที่ 1 “เวลา​ที่​กำหนด​ไว้​มา​ถึง​แล้วพระ​อาณา​จักร​ของ​พระ​เจ้า​อยู่​ใกล้​แล้ว จง​กลับใจ และ​เชื่อ​ข่าว​ดี​เถิด” (มก. 1:15)
วันทามารีย์เม็ดที่ 2 ทรง​ออก​จาก​เมือง​นา​ซา​เร็ธมา​ประทับ​อยู่​ที่​เมือง​คา​เปอร​นา​อุม บน​ฝั่ง​ทะเลสาบ ใน​ดินแดน​เผ่า​เศบู​ลุ​น​และ​นัฟ​ทา​ลี ทั้งนี้ เพื่อให้​พระ​ดำรัส​ที่​ตรัส​ไว้​ทาง​ประ​กา​ศก​อิสยาห์ เป็น​ความ​จริง​ว่า ดินแดน​เศบู​ลุ​น​และ​นัฟ​ทา​ลี เส้นทาง​ไป​สู่​ทะเล ฟาก​โน้น​ของ​แม่น้ำ​จอร์แดน แคว้น​กา​ลิลี​แห่ง​บรรดา​ประชาชาติ ประชาชน​ที่​จม​อยู่​ใน​ความ​มืด ได้​เห็น​ความ​สว่าง​ยิ่งใหญ่ ผู้​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​ดินแดน​และ​ใน​เงา​แห่ง​ความ​ตาย แสง​ได้​ส่อง​ขึ้น​มา​เหนือ​พวกเขา​แล้ว (มธ. 4:13-16)
วันทามารีย์เม็ดที่ 3 พระ​องค์​เสด็จ​ไป​ทั่ว​แคว้น​กา​ลิลี ทรง​สั่งสอน​ใน​ศาลา​ธรรม ทรง​ประกาศ​ข่าว​ดี​เรื่อง​พระ​อาณา​จักร ทรง​รักษา​โรค​และ​ความ​เจ็บไข้​ทุก​ชนิด​ของ​ประชาชน (มธ. 4:23)
วันทามารีย์เม็ดที่ 4 พระ​เยซู​เจ้า​เสด็จ​มา​ถึง​เมือง​นา​ซา​เร็ธซึ่ง​เป็น​สถานที่​ที่​พระ​องค์​ทรง​เจริญวัย ใน​วัน​สับ​บา​โต พระ​องค์​เสด็จ​เข้า​ไป​ใน​ศาลา​ธรรม​เช่นเคย ทรง​ยืน​ขึ้น​เพื่อ​ทรง​อ่าน​พระ​คัมภีร์ มี​ผู้​ส่ง​ม้วน​หนังสือ​ประ​กา​ศก​อิสยาห์​ให้​พระ​องค์ พระ​เยซู​เจ้า​ทรง​คลี่​ม้วน​หนังสือ​ออก ทรง​พบ​ข้อ​ความ​ที่​เขียน​ไว้​ว่า พระ​จิต​ของ​พระ​เจ้า​ทรง​อยู่​เหนือ​ข้าพ​เจ้า เพราะ​พระ​องค์​ทรง​เจิม​ข้าพ​เจ้า​ไว้ให้​ประกาศ​ข่าว​ดี​แก่​คน​ยากจน ทรง​ส่ง​ข้าพ​เจ้า​ไป​ประกาศ​การ​ปลดปล่อย​แก่​ผู้​ถูก​จองจำ คืน​สายตา​ให้แก่​คน​ตา​บอด ปลดปล่อย​ผู้​ถูก​กดขี่​ให้​เป็น​อิสระ ประกาศ​ปี​แห่ง​ความ​โปรดปราน​จาก​พระ​เจ้า (ลก. 4:16-19)
วันทามารีย์เม็ดที่ 5 พระ​เยซู​เจ้า​ทอด​พระ​เนตร​เห็น​ประชาชน​มากมาย จึง​เสด็จ​ขึ้น​บน​ภูเขาเมื่อ​ประทับ​แล้ว บรรดา​ศิษย์​เข้า​มา​ห้อมล้อม​พระ​องค์พระ​องค์​ทรง​เริ่ม​ตรัส​สอน​ว่า “ผู้​มี​ใจ​ยากจนย่อม​เป็นสุขเพราะ​อาณา​จักร​สวรรค์​เป็น​ของ​เขา (มธ. 5:1-3)
วันทามารีย์เม็ดที่ 6 พระ​เยซู​เจ้า​เสด็จ​กลับ​ไป​แคว้น​กา​ลิลี​พร้อมด้วย​พระ​อานุภาพ​ของ​พระ​จิต​เจ้า กิตติศัพท์​ของ​พระ​องค์​เลื่องลือ​ไป​ทั่ว​แว่นแคว้น​นั้น พระ​องค์​ทรง​สอน​ตาม​ศาลา​ธรรม​ของ​ชาว​ยิว​และ​ทุก​คน​ต่าง​สรร​เสริญ​พระ​องค์ (ลก. 4:14-15)
วันทามารีย์เม็ดที่ 7 ขณะที่​พระ​เยซู​เจ้า​กำลัง​ตรัส​กับ​ประชาชน พระ​มารดา​และ​พระ​ญาติ​ของ​พระ​องค์มา​ยืน​อยู่​ข้างนอก ต้อง​การ​พูด​กับ​พระ​องค์ (มธ. 12:46)
วันทามารีย์เม็ดที่ 8 พระ​องค์​จึง​ตรัส​ถาม​ผู้​ที่มา​ทูล​นั้น​ว่า “ใคร​เป็น​มารดา ใคร​เป็น​พี่​น้อง​ของ​เรา” (มธ. 12:48)
วันทามารีย์เม็ดที่ 9 แล้ว​ทรง​ยื่น​พระ​หัตถ์​ชี้​บรรดา​ศิษย์ ตรัส​ว่า “นี่​คือ​มารดา​และ​พี่​น้อง​ของ​เรา เพราะ​ผู้​ที่​ปฏิบัติ​ตาม​พระ​ประสงค์​ของ​พระ​บิดา​ของ​เรา​ผู้​สถิต​ใน​สวรรค์ ผู้​นั้น​เป็น​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​และ​เป็น​มารดา​ของ​เรา” (มธ. 12:49-50)
วันทามารีย์เม็ดที่10 เรา​ให้​บท​บัญญัติ​ใหม่​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย ให้​ท่าน​รัก​กัน เรา​รัก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​อย่างไร ท่าน​ก็​จงรัก​กัน​อย่าง​นั้น​เถิด ถ้า​ท่าน​มี​ความ​รัก​ต่อ​กัน ทุก​คน​จะ​รู้​ว่า ท่าน​เป็น​ศิษย์​ของ​เรา” (ยน. 13:34-35)

————

 transfiguration pic ข้อรำพึงเกี่ยวกับชีวิตเปิดเผยและภารกิจของพระเยซูเจ้า

4. พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระกายอย่างรุ่งโรจน์ ณ ภูเขาทาบอร์

(สวดวันพฤหัส)
บทข้าแต่พระบิดา พระ​องค์​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “ท่าน​ล่ะ​คิด​ว่า​เรา​เป็น​ใคร” ซี​โม​น เป​โตร​ทูล​ตอบ​ว่า “พระ​องค์​คือ​พระ​คริสต​เจ้า พระ​บุตร​ของ​พระ​เจ้า​ผู้​ทรง​ชีวิต” (มธ. 16:15-16)
วันทามารีย์เม็ดที่ 1 พระ​เยซู​เจ้า​ตรัส​ตอบ​เขา​ว่า “ซี​โม​น บุตร​ของ​ยอห์น ท่าน​เป็นสุข​เพราะ​ไม่​ใช่​มนุษย์ที่​เปิดเผย​ให้​ท่าน​รู้ แต่​พระ​บิดา​เจ้าของ​เรา​ผู้​สถิต​ใน​สวรรค์​ทรง​เปิดเผย เรา​บอก​ท่าน​ว่า ท่าน​คือ​ศิลาและ​บน​ศิลา​นี้ เรา​จะ​ตั้ง​พระ​ศาสน​จักร​ของ​เราประตู​นรกจะ​ไม่​มี​วัน​ชนะ​พระ​ศาสน​จักร​ได้ (มธ. 16:17-18)
วันทามารีย์เม็ดที่ 2 ต่อมา​อีก​หก​วัน พระ​เยซู​เจ้า​ทรง​พา​เป​โตร ยาก​อบ และ​ยอห์น​น้อง​ชาย​ไป​บน​ภูเขา​สูง​ที่​ปราศจาก​ผู้คน (มธ. 17:1)
วันทามารีย์เม็ดที่ 3 ขณะที่​ทรง​อธิษ​ฐาน​ภาวนา​อยู่​นั้น ลักษณะ​ของ​พระ​พักตร์​เปลี่ยน​ไป​และ​ฉลอง​พระ​องค์​มี​สี​ขาว​เจิดจ้า (ลก. 9:29) แล้ว​พระ​วรกาย​ของ​พระ​องค์​ก็​เปลี่ยน​ไป​ต่อหน้า​เขา พระ​พักตร์​เปล่ง​รัศมี​ดุจ​ดวงอาทิตย์ ฉลอง​พระ​องค์​กลับ​มี​สี​ขาว​ดุจ​แสง​สว่าง (มธ. 17:2)
วันทามารีย์เม็ดที่ 4 โมเสส​และ​ประ​กา​ศก​เอลียาห์​สำแดง​ตน​สนทนา​อยู่​กับ​พระ​องค์ (มธ. 17:3 )
วันทามารีย์เม็ดที่ 5 ทั้ง​สอง​คน​ปรากฏ​มา​ใน​สิริ​รุ่งโรจน์ กล่าว​ถึง​การ​จาก​ไป​ของ​พระ​องค์​ที่​กำลังจะ​สำเร็จ​ในกรุง​เย​รู​ซา​เล็ม (ลก. 9:31)
วันทามารีย์เม็ดที่ 6 เป​โตร​จึง​ทูล​พระ​เยซู​เจ้า​ว่า “พระ​เจ้า​ข้า ที่นี่​สบาย​น่า​อยู่จริงๆถ้า​พระ​องค์​มี​พระ​ประสงค์ ข้าพ​เจ้า​จะ​สร้าง​เพิง​ขึ้น​สาม​หลัง หลัง​หนึ่ง​สำหรับ​พระ​องค์ หลัง​หนึ่ง​สำหรับ​โมเสส อีก​หลัง​หนึ่ง​สำหรับ​เอลียาห์” ( มธ. 1 7:4)
วันทามารีย์เม็ดที่ 7 ขณะที่​เขา​กำลัง​พูด​อยู่​นั้น เมฆ​ก้อน​หนึ่ง​ลอย​มา​ปกคลุม​เขา​ไว้ เมื่อ​อยู่​ใน​เมฆ เขา​กลัว​มาก (ลก. 9:34 )
วันทามารีย์เม็ดที่ 8 เสียง​หนึ่ง​ดัง​จาก​เมฆ​นั้น​ว่า “ท่าน​ผู้​นี้​เป็น​บุตร​สุดที่รัก​ของ​เรา เรา​พึงพอใจ​ยิ่ง​นัก จง​ฟัง​ท่าน​เถิด” (มธ. 17:5)
วันทามารีย์เม็ดที่ 9 เมื่อ​ได้ยิน​ดังนั้น ศิษย์​ทั้ง​สาม​คน​ซบ​หน้า​ลง​กับ​พื้นดิน มี​ความ​กลัว​อย่างยิ่ง พระ​เยซู​เจ้า​เสด็จ​เข้า​มา​ใกล้ ทรง​สัมผัส​เขา ตรัส​ว่า “จง​ลุก​ขึ้น​เถิด อย่า​กลัว​เลย” (มธ. 17:6 -7)
วันทามารีย์เม็ดที่10 เมื่อ​เงย​หน้า​ขึ้น เขา​ไม่​เห็น​ผู้ใด นอก​จาก​พระ​เยซู​เจ้า​เท่านั้น ขณะที่​กำลัง​ลง​จาก​ภูเขา พระ​เยซู​เจ้า​ทรง​กำชับ​ศิษย์​ทั้ง​สาม​คน​ว่า ​“อย่า​เล่า​นิมิต​ที่​ได้​เห็น​นี้​ให้​ผู้ใด​ฟัง จนกว่า​บุตร​แห่ง​มนุษย์​จะ​กลับคืน​ชีพ​จาก​บรรดา​ผู้ตาย” (มธ. 17:89)

——

 lastsup ข้อรำพึงเกี่ยวกับชีวิตเปิดเผยและภารกิจของพระเยซูเจ้า

5. พระเยซูเจ้าทรงตั้งศีลมหาสนิท เพื่อเป็นเครื่องหมายของธรรมล้ำลึกปัสกา

(สวดวันพฤหัส)
บทข้าแต่พระบิดา ก่อน​จะ​ถึง​เทศกาล​กิน​ขนมปัง​ไร้​เชื้อ​ที่​ต้อง​ฆ่า​ลูก​แกะ​ปัส​กา พระ​เยซู​เจ้า​ตรัส​ใช้​เป​โตร​และ​ยอห์น​ว่า ‘จง​ไป​จัดเตรียม​การ​เลี้ยง​ปัส​กา​ให้​เรา​เถิด’ (ลก. 22:7-8)
วันทามารีย์เม็ดที่ 1 เมื่อ​ถึง​เวลา พระ​เยซู​เจ้า​ประทับ​ที่​โต๊ะ​พร้อมกับ​บรรดา​อัคร​สาวก (ลก. 22:14)
วันทามารีย์เม็ดที่ 2 พระ​เยซู​เจ้า​ทรง​ทราบ​ว่า​ถึง​เวลา​แล้ว​ที่​จะ​ทรง​จาก​โลก​นี้​ไป​เฝ้า​พระ​บิดาพระ​องค์​ทรง​รักผู้​ที่​เป็น​ของ​พระ​องค์​ซึ่ง​อยู่​ใน​โลก​นี้ พระ​องค์​ทรง​รัก​เขา​จนถึง​ที่สุด (ยน. 13:1)
วันทามารีย์เม็ดที่ 3 แล้ว​ทรง​เท​น้ำลง​ใน​อ่าง เริ่ม​ล้าง​เท้า​บรรดา​ศิษย์และ​ใช้​ผ้า​ที่​คาด​สะเอว​เช็ด​ให้ (ยน. 13:5)
วันทามารีย์เม็ดที่ 4 แล้วพระองค์ตรัสว่า “ในเมื่อ​เรา​ซึ่ง​เป็น​ทั้ง​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​และ​อาจารย์​ยัง​ล้าง​เท้า​ให้​ท่าน ท่าน​ก็​ต้อง​ล้าง​เท้า​ให้​กันและกัน​ด้วย เรา​วาง​แบบอย่าง​ไว้​ให้​แล้ว ท่าน​จะ​ได้​ทำ​เหมือน​กับ​ที่​เรา​ทำ​กับ​ท่าน” (ยน. 13:14-15)
วันทามารีย์เม็ดที่ 5 พระ​องค์​ทรง​หยิบ​ขนมปัง ทรง​ขอบ​พระ​คุณ ทรง​บิ​ขนมปัง​ประ​ทาน​ให้​บรรดา​ศิษย์ ตรัส​ว่า ‘นี่​เป็น​กาย​ของ​เรา​ที่​ถูก​มอบ​เพื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย จง​ทำ​ดังนี้​เพื่อ​ระลึก​ถึง​เรา​เถิด’ (ลก. 22:19)
วันทามารีย์เม็ดที่ 6 แล้ว​พระ​องค์​ทรง​หยิบ​ถ้วย ตรัส​ขอบ​พระ​คุณประ​ทาน​ให้​เขา​เหล่า​นั้น ตรัส​ว่า “ทุก​ท่าน​จง​ดื่ม​จาก​ถ้วย​นี้​เถิด นี่​เป็น​โลหิต​ของ​เรา โลหิต​แห่ง​พันธ​สัญญาที่​หลั่ง​ออก​มา​เพื่อ​อภัย​บาป​สำหรับ​คน​จำนวน​มาก (มธ. 26:27-28)
วันทามารีย์เม็ดที่ 7 ‘ซี​โม​น ซี​โม​น จง​ฟัง​เถิด ซาตาน​ได้​ขอ​และ​พระ​เจ้า​ทรง​อนุญาต​ให้​ซาตาน​ทดสอบ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เหมือน​ฝัด​ข้าวสาลี แต่​เรา​อธิษ​ฐาน​อ้อน​วอน​เพื่อ​ท่าน​ให้​ความ​เชื่อ​ของ​ท่าน​มั่นคง​ตลอดไป และ​เมื่อ​ท่าน​กลับใจ​แล้ว จง​ช่วย​ค้ำจุน​พี่​น้อง​ของ​ท่าน​เถิด’ (ลก. 22:31)
วันทามารีย์เม็ดที่ 8 ขณะนั้น​ใกล้​จะ​ถึง​วันฉลอง​ปัส​กา​ของ​ชาว​ยิว (ยน. 6:4) เมื่อ​ประชาชน​เห็น​ว่า​ทั้ง​พระ​เยซู​เจ้า และ​บรรดา​ศิษย์​ไม่​อยู่​ที่นั่น​แล้ว ก็​ลงเรือ มุ่ง​ไป​ที่​เมือง​คา​เปอร​นา​อุม​เพื่อ​ตาม​หา​พระ​เยซู​เจ้า (ยน. 6:24) พระ​เยซู​เจ้า​ตรัส​ตอบ​ว่า เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า มิใช่​โมเสส​ที่​ให้​ขนมปัง​จาก​สวรรค์​แก่​ท่าน แต่​เป็น​พระ​บิดา​ของ​เรา​ที่​ประ​ทาน​ขนมปัง​แท้​จาก​สวรรค์​ให้​ท่าน (ยน. 6:32)
วันทามารีย์เม็ดที่ 9 พระ​เยซู​เจ้า​ตรัส​กับ​เขา​ว่า เรา​เป็นปัง​แห่ง​ชีวิต ผู้​ที่มา​หา​เรา​จะ​ไม่​หิว และ​ผู้​ที่​เชื่อ​ใน​เรา​จะ​ไม่​กระหาย​อีก​เลย (ยน. 6:35)
วันทามารีย์เม็ดที่10 เรา​เป็น​ปัง​ทรง​ชีวิต ที่​ลง​มา​จาก​สวรรค์ ใคร​ที่​กิน​ปัง​นี้​จะ​มี​ชีวิต​อยู่​ตลอดไป และ​ปัง​ที่​เรา​จะ​ให้​นี้ คือ​เนื้อ​ของ​เราเพื่อให้​โลก​มี​ชีวิต” (ยน. 6:51) ผู้​ที่​กิน​เนื้อ​ของ​เรา และ​ดื่ม​โลหิต​ของ​เรา ก็​มี​ชีวิต​นิรันดร เรา​จะ​ทำ​ให้​เขา​กลับคืน​ชีพ​ใน​วัน​สุดท้าย เพราะ​เนื้อ​ของ​เรา​เป็น​อาหาร​แท้ และ​โลหิต​ของ​เรา​เป็น​เครื่องดื่ม​แท้ (ยน. 6:54-55) ซี​โม​น เป​โตร​ทูล​ตอบ​ว่า “พระ​เจ้า​ข้า พวกเรา​จะ​ไป​หา​ใคร​เล่า พระ​องค์​มี​พระ​วาจา​แห่ง​ชีวิต​นิรันดร พวกเรา​เชื่อ และ​รู้​ว่า​พระ​องค์​ทรง​เป็น​ผู้​ศักดิ์​สิทธิ์​ของ​พระ​เจ้า” (ยน. 6:68-69)

The post สวดสายประคำพร้อมรำพึงตามพระคัมภีร์ในแต่ละบทวันทามารีย์ (2) appeared first on มาสวดสายประคำกันเถอะ.

สวดสายประคำพร้อมรำพึงตามพระคัมภีร์ในแต่ละบทวันทามารีย์ (3)

$
0
0

 

ท่านใดที่เข้ามาอ่าน ขอให้กรุณาเข้าไปอ่านบทนำ เพื่อปูพื้นความเข้าใจก่อน

สวดสายประคำพร้อมรำพึงตามพระคัมภีร์ในแต่ละบทวันทามารีย์ (บทเกริ่นนำ)

 

ในการใช้การรำพึงตามตารางข้างล่างนี้ ให้เลือกว่าจะรำพึงในแบบใด ข้าพเจ้าได้จัดเรียงตามบทภาวนาในแต่ละทศ อ่านข้อรำพึงแล้วก็สวดตามด้วยบทข้าแต่พระบิดาและบทวันทามารีย์ตามลำดับ

ถ้าต้องการรำพึงตามพระวรสารให้เลือกในช่องคอลัมน์แรก SCRIPTURE ROSARY ตัวหนังสือสีน้ำตาลแดง (ข้าพเจ้าได้คัดลอกเรียบเรียงมาจาก Thai Catholic Bible แปลจากต้นฉบับภาษาฮีบรูและกรีก โดยคุณพ่อ ดร. ฟรังซิส ไกส์และคุณพ่อ ผศ. ทัศไนย์ คมกฤส)

 

ถ้าต้องการรำพึงที่นำเสนอในรูปแบบครุ่นคิด ก็เลือกช่องคอลัมน์ที่สอง Bead by Bead ตัวหนังสือสีน้ำเงินเข้ม 

 

jesus gethsemane angel

ภาคที่ 3 พระธรรมล้ำลึกพระมหาทรมาน

ข้อรำพึงเกี่ยวกับความทุกข์ของพระเยซูเจ้า

(สวดวันอังคาร และวันศุกร์)

1. พระเยซูเจ้าทรงเข้าตรีทูตในสวนเกทเสมนี

 

รำพึงตามพระวรสารในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (ฺSCRIPTURE ROSARY)

ข้อคิดรำพึงในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (Bead by Bead)

(มธ. 26:36) เมื่อ​พระ​เยซู​เจ้า​เสด็จ​มา​พร้อมกับ​บรรดา​ศิษย์​ถึง​สถานที่​แห่ง​หนึ่ง​ชื่อ​เก​ท​เส​มนีพระ​องค์​ตรัส​แก่​เขา​เหล่า​นั้น​ว่า “จง​นั่ง​อยู่​ที่นี่ ขณะที่​เรา​ไป​อธิษ​ฐาน​ภาวนา​ที่โน่น” พระเยซูเจ้าทรงเผชิญความทุกข์ทรมาน ในสวนเกทเสมนีนั้นพระองค์ทรงเห็นพระมหาทรมานที่กำลังจะมาถึงเพื่อคนบาปทั้งหลาย
ข้าแต่พระบิดา ข้าแต่พระบิดา
(มธ. 26:37) แล้ว​ทรง​พา​เป​โตร​และ​บุตร​ทั้ง​สอง​ของ​เศเบ​ดี​ไป​ด้วย พระ​องค์​ทรง​รู้สึก​เศร้า​และ​สลด​พระ​ทัย​อย่างยิ่ง
พระเยซูเจ้าทรงเข้าไปในสวนมะกอกพร้อมกับบรรดาศิษย์ พระองค์ทรงขอให้พวกเขาตื่นเฝ้าระวังไว้
วันทามารีย์เม็ดที่ 1 วันทามารีย์เม็ดที่ 1
(มธ. 26:38) จึง​ตรัส​แก่​เขา​ทั้ง​สาม​คน​ว่า “ใจ​เรา​เป็นทุกข์​แทบ​สิ้นชีวิตจง​อยู่​ที่นี่​และ​ตื่น​เฝ้า​กับ​เรา​เถิด” ทรงคุกเข่า ภาวนาเสนอพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาเพื่อคนบาปทั้งมวล
วันทามารีย์เม็ดที่ 2 วันทามารีย์เม็ดที่ 2
(มก. 14:35) แล้ว​ทรง​พระ​ดำเนิน​ไป​ข้างหน้า​อีก​เล็กน้อย ทรง​เอน​พระ​วรกาย​ลง​กับ​พื้นดิน ทรง​อธิษ​ฐาน​ภาวนา​เพื่อให้​เวลา​นั้น​ผ่านพ้น​พระ​องค์​ไป ถ้า​เป็น​ไป​ได้ ด้วยความปวดร้าวทรมาน พระองค์ทรงร้องวอนขอพระบิดาโปรดให้ถ้วยกาลิกส์แห่งความทรมานนี้ผ่านพ้นไป
วันทามารีย์เม็ดที่ 3 วันทามารีย์เม็ดที่ 3
(ลก. 22:42) ‘พระ​บิดา​เจ้าข้า ถ้า​พระ​องค์​มี​พระ​ประสงค์ โปรด​ทรง​นำ​ถ้วย​นี้​ไป​จาก​ข้าพ​เจ้า​เถิด แต่​อย่า​ให้​เป็น​ไป​ตามใจ​ข้าพ​เจ้า ให้​เป็น​ไป​ตาม​พระ​ประสงค์​ของ​พระ​องค์​เถิด’ แต่ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัย พระองค์ทรงพร้อมที่จะยอมรับพระมหาทรมาน
วันทามารีย์เม็ดที่ 4 วันทามารีย์เม็ดที่ 4
(ลก. 22:43) ทูต​สวรรค์​องค์​หนึ่ง​ปรากฏ​มา​ถวาย​พละกำลัง​แด่​พระ​องค์ พระองค์ทรงกลับไปหาสานุศิษย์เพื่อความปลอบประโลมใจและเตือนให้พวกเขาตื่นเฝ้าสวดภาวนาพร้อมกับพระองค์
วันทามารีย์เม็ดที่ 5 วันทามารีย์เม็ดที่ 5
(ลก. 22:44) พระ​องค์​ทรง​อยู่​ใน​ความ​ทุกข์​กังวล​อย่าง​สาหัส จึง​ทรง​อธิษ​ฐาน​อย่าง​มุ่งมั่น​ยิ่ง​ขึ้น พระ​เส​โท​ตกลง​บน​พื้นดิน​ประดุจ​หยด​โลหิต
จิตวิญญาณของพระองค์ทรงทนทุกข์และปวดร้าวจนกระทั่งทรงหลั่งพระเสโทหยดลงพื้นดั่งโลหิต
วันทามารีย์เม็ดที่ 6 วันทามารีย์เม็ดที่ 6
(มธ. 26:40) พระ​องค์​เสด็จ​กลับ​มา​พบ​บรรดา​ศิษย์ ทรง​พบ​เขา​เหล่า​นั้น​กำลัง​หลับ​อยู่ จึง​ตรัส​กับ​เป​โตร​ว่า “ท่าน​ตื่น​เฝ้า​อยู่​กับ​เรา​สัก​หนึ่ง​ชั่วโมง​ไม่​ได้​หรือ ทูต​สวรรค์ถูกส่งมาหาพระองค์เพื่อเสริมสร้างพละกำลังและกำลังใจให้ต่อสู้ต่อไป
วันทามารีย์เม็ดที่ 7 วันทามารีย์เม็ดที่ 7
(มธ. 26:41) จง​ตื่น​เฝ้า​และ​อธิษ​ฐาน​ภาวนา​เพื่อ​จะ​ได้​ไม่​เข้า​สู่​การ​ทดลอง” ยูดาสได้เข้ามาในสวนพร้อมกองทหารและทรยศพระองค์ด้วยการจูบ
วันทามารีย์เม็ดที่ 8 วันทามารีย์เม็ดที่ 8
(มธ. 26:41 ต่อ) จิตใจ​พร้อม​แล้ว​ก็​จริง แต่​เนื้อหนัง​อ่อนกำลัง” พระเยซูเจ้าทรงเผชิญหน้ากับศัตรูและประกาศตัวพระองค์เองจนพวกเขาตกใจผงะหงายหลังล้มลง
วันทามารีย์เม็ดที่ 9 วันทามารีย์เม็ดที่ 9
(มธ. 26:45) แล้ว​เสด็จ​กลับ​มา​พบ​เขา ตรัส​ว่า “เดี๋ยวนี้ ท่าน​หลับ​ต่อไป​และ​พักผ่อน​ได้เวลา​ที่​บุตร​แห่ง​มนุษย์​จะ​ต้อง​ถูก​มอบ​ใน​เงื้อมมือ​ของ​คน​บาป​มา​ถึง​แล้ว
(มธ. 26:46) จง​ลุก​ขึ้น ไป​กัน​เถิด ผู้​ทรยศ​ต่อ​เรา​อยู่​ที่นี่​แล้ว”
บรรดาอัครสาวกทั้งหลายได้ทอดทิ้งพระองค์ไปพระองค์ทรงถูกจับกุมไปยังสภาสูงของชาวยิว
วันทามารีย์เม็ดที่ 10 วันทามารีย์เม็ดที่ 10

———————

scourging4 ข้อรำพึงเกี่ยวกับความทุกข์ของพระเยซูเจ้า

2. พระเยซูเจ้าทรงถูกเฆี่ยน

(สวดวันอังคาร และวันศุกร์)

รำพึงตามพระวรสารในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (ฺSCRIPTURE ROSARY)

ข้อคิดรำพึงในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (Bead by Bead)

(มก. 15:1) ครั้น​รุ่งเช้า บรรดา​หัวหน้า​สม​ณะ พร้อมกับ​ผู้อาวุโส ธรร​มา​จารย์ และ​บรรดา​สมาชิก​สภาสูง​ทุก​คน ประชุม​ตกลง​กัน สั่ง​ให้​มัด​พระ​เยซู​เจ้า และ​นำ​ไป​มอบ​ให้​ปี​ลา​ต พระเยซูเจ้า ลูกแกะพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ ถูกจับตรึงที่เสาและถูกเฆี่ยนอย่างทารุณเพื่อสนองตัณหาของพวกมนุษย์
ข้าแต่พระบิดา ข้าแต่พระบิดา
(มก. 15:2) ปี​ลา​ต​จึง​ถาม​พระ​องค์​ว่า “ท่าน​เป็น​กษัตริย์​ของ​ชาว​ยิว​หรือ” พระ​องค์​ตรัส​ตอบ​ว่า “ท่าน​พูด​เอง​นะ” ฝูงชนโห่ร้องให้ปล่อยบาราบัสและให้พระเยซูเจ้าถูกตรึงกางเขนแทน
วันทามารีย์เม็ดที่ 1 วันทามารีย์เม็ดที่ 1
(ยน. 18:36) พระ​เยซู​เจ้า​ตรัส​ตอบ​ว่า “อาณา​จักร​ของ​เรา​มิได้​มา​จาก​โลก​นี้ ถ้า​อาณา​จักร​ของ​เรา​มา​จาก​โลก​นี้ ผู้​รับใช้​ของ​เรา​ก็​คงจะ​ต่อสู้​เพื่อ​มิ​ให้​เรา​ถูก​มอบ​ให้​ชาว​ยิว แต่​อาณา​จักร​ของ​เรา​ไม่​ได้​เป็น​ของ​โลก​นี้” บาราบัสถูกปล่อยตัว พระองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ถูกใส่ร้ายและนำไปโบยตี
วันทามารีย์เม็ดที่ 2 วันทามารีย์เม็ดที่ 2
(ยน. 18:37) ปี​ลา​ต​จึง​ถาม​พระ​องค์​ว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่าน​เป็น​กษัตริย์​ใช่ไหม” พระ​เยซู​เจ้า​ตรัส​ตอบ​ว่า “ท่าน​พูด​ว่า​เรา​เป็น​กษัตริย์​นั้น​ถูกต้อง​แล้ว เรา​เกิด​มา​เพื่อ​เป็น​กษัตริย์ เรา​มา​ใน​โลก​นี้​เพื่อ​เป็น​พยาน​ถึง​ความ​จริง ผู้ใด​อยู่​ฝ่าย​ความ​จริง​ก็​ฟัง​เรา” พระเยซูเจ้าทรงสั่นสะท้านเมื่อรู้ว่ากล้ามเนื้อของพระองค์ต้องฉีกขาดจากการเฆี่ยนตี
วันทามารีย์เม็ดที่ 3 วันทามารีย์เม็ดที่ 3
(ลก. 23:4) ปี​ลา​ต​จึง​พูด​กับ​บรรดา​หัวหน้า​สม​ณะ​และ​ประชาชน​ว่า ‘เรา​ไม่​พบ​ความ​ผิด​ข้อ​ใด​ใน​คน​คน​นี้’
(ลก. 23:16) เพราะฉะนั้น เรา​จะ​สั่ง​ให้​เฆี่ยน​เขา แล้ว​ปล่อย​ไป’
ทรงถูกถอดฉลองพระองค์และจับมือผูกติดไว้กับเสา
วันทามารีย์เม็ดที่ 4 วันทามารีย์เม็ดที่ 4
(ยน. 19:1) ปี​ลา​ต​สั่ง​ให้​นำ​พระ​เยซู​เจ้า​ไป​เฆี่ยน พระองค์ทรงห่อตัวเมื่อสายตาจากผู้คนจำนวนมากจ้องมองอย่างโหดร้ายและดูถูกเหยียดหยาม
วันทามารีย์เม็ดที่ 5 วันทามารีย์เม็ดที่ 5
(อสย. 53:8) เขา​ถูก​จับกุม ถูก​พิพากษา  ถูก​ประหารเพราะ​การ​ล่วงละเมิด​ของ​ประชากร​ของ​เขา

(อสย. 53:3) ทุก​คน​ดูถูก​และ​เหยียด​หยาม​เขา เขา​เป็น​คน​ที่​ต้อง​ทนทุกข์​และ​ต้อง​เจ็บปวด

ในไม่ช้าพระวรกายจะถูกโบยตีจนกระทั้งได้รับบาดแผลเหวอะหวะ
วันทามารีย์เม็ดที่ 6 วันทามารีย์เม็ดที่ 6
(อสย. 53:7) เขา​ยอมรับ​ทุกข์​ทรมาน​และ​ความ​อัปยศ เขา​มิได้​ปริปาก​เหมือน​ลูก​แกะ​ที่​ถูก​นำ​ไป​ฆ่า
แส้ได้ถูกจัดตรียมพร้อมแล้ว พระองค์ทรงรอการหวดแส้ครั้งแรกด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง
วันทามารีย์เม็ดที่ 7 วันทามารีย์เม็ดที่ 7
(อสย. 53:5) เขา​ถูก​แทง​เพราะ​การ​ล่วงละเมิด​ของ​พวกเรา ถูก​ขยี้​เพราะ​ความ​ผิด​ของ​เรา ทหารหวดแส้เฆี่ยนอย่างไร้ความปราณี พระองค์ทรงชักอย่างรุนแรงด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว
วันทามารีย์เม็ดที่ 8 วันทามารีย์เม็ดที่ 8
(อสย. 53:4) โดย​แท้​จริง​แล้ว เขา​แบก​ความ​ทุกข์​ทรมาน​ของ​พวกเรา เขา​รับ​ความ​เจ็บปวด​ของ​พวกเรา​ไว้ พระวรกายทรงสั่นเทิ้ม พระเศียรซบตกลงบนพระอุระ ทรงหายใจด้วยความลำบาก เร็วและติดขัด
วันทามารีย์เม็ดที่ 9 วันทามารีย์เม็ดที่ 9
(อสย. 53:5)  การ​ลงโทษ​ที่​นำ​สันติสุข​มา​ให้​เรา​กลับ​ตก​อยู่​กับ​เขา รอย​แผล​ถูก​โบย​ตี​ของ​เขา​รักษา​เรา​ให้​หาย​เป็นปกติ
เมื่อเชือกถูกตัดขาดออกจากเสา พระองค์ทรงร่วงลงไปกองกับพื้นดุจดินเหลวกองหนึ่ง
วันทามารีย์เม็ดที่ 10 วันทามารีย์เม็ดที่ 10

———————–

rosary crowning ข้อรำพึงเกี่ยวกับความทุกข์ของพระเยซูเจ้า


3. พระเยซูเจ้าทรงถูกสวมมงกุฎหนาม

(สวดวันอังคาร และวันศุกร์)

รำพึงตามพระวรสารในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (ฺSCRIPTURE ROSARY)

ข้อคิดรำพึงในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (Bead by Bead)

(มก. 15:16) บรรดา​ทหาร​นำ​พระ​องค์​เข้า​ไป​ใน​ลาน​ชั้นใน​คือ “จวน​ของ​ผู้ว่าราชการ” พระเยซูเจ้า กษัตริย์ผู้รุ่งโรจน์ ถูกสวมมงกุฏหนาม พระองค์ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างเจ็บปวดและถูกเยาะเย้ยถากถาง
ข้าแต่พระบิดา ข้าแต่พระบิดา
(มธ. 27:28) เขา​เปลื้อง​ฉลอง​พระ​องค์​ออก นำ​เสื้อคลุม​สี​ม่วง​แดง​มา​คลุม​ให้ พระองค์ถูกถอดฉลองพระองค์อีกครั้งหนึ่งและสวมด้วยเสื้อคลุมสีเลือดหมู
วันทามารีย์เม็ดที่ 1 วันทามารีย์เม็ดที่ 1
(มธ. 27:29) นำ​หนาม​มา​สาน​เป็น​มงกุฎ​สวม​พระ​เศียร ให้​พระ​องค์​ถือ​ไม้​อ้อ​ใน​พระ​หัตถ์​ขวา ทรงถูกเยาะเย้ย เหยียดหยามให้เป็นกษัตริย์และถูกกลั่นแกล้งให้ได้รับความอัปยศจากเหล่าทหารทุกรูปแบบ
วันทามารีย์เม็ดที่ 2 วันทามารีย์เม็ดที่ 2
(มธ. 27:29 ต่อ) แล้ว​คุกเข่า​ลง​เฉพาะ​พระ​พักตร์ เยาะเย้ย​พระ​องค์​ว่า “ข้า​แต่​กษัตริย์​ของ​ชาว​ยิว ขอ​ทรง​พระ​เจริญ​เทอญ” ทรงถูกสวมมงกุฏหนามอย่างโหดเหี้ยม พวกทหารกดสวมพระเศียรอย่างป่าเถื่อน
วันทามารีย์เม็ดที่ 3 วันทามารีย์เม็ดที่ 3
(มธ. 27:30) เขา​ถ่ม​น้ำลาย​รด​พระ​องค์ ฉวย​ไม้​อ้อ​ฟาด​พระ​เศียร  หนามอันแหลมคมได้กดทะลุผิวหนังบนพระเศียร หน้าผากและขมับก่อให้เกิดความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
วันทามารีย์เม็ดที่ 4 วันทามารีย์เม็ดที่ 4
(ยน. 19:4) ปี​ลา​ตอ​อก​มา​ข้างนอก​อีก​ครั้ง​หนึ่ง พูด​กับ​คน​เหล่า​นั้น​ว่า “ดู​เถิด เรา​นำ​ชาย​ผู้​นี้​ออก​มา ให้​ท่าน​รู้​ว่า​เรา​ไม่​พบ​ว่า​เขา​มี​ความ​ผิด​ประการ​ใด” พระโลหิตได้หลั่งไหลย้อมพระเกศาจนแดงเถือกไปทั่ว ทั้งไหลเข้าพระเนตรจนแทบมองไม่เห็นอะไร พระพักตร์บิดเบี้ยว
วันทามารีย์เม็ดที่ 5 วันทามารีย์เม็ดที่ 5
(ยน. 19:5) แล้ว​พระ​เยซู​เจ้า​เสด็จ​ออก​มา​ข้างนอก ทรง​มงกุฎ​หนาม​และ​เสื้อคลุม​สี​แดง ทรงถูกล้อเลียน ถูกทุบตีอย่างทารุณทั้งใบหน้าและตามตัวอย่างไม่หยุดยั้ง
วันทามารีย์เม็ดที่ 6 วันทามารีย์เม็ดที่ 6
(ยน. 19:5) ปี​ลา​ต​พูด​กับ​ประชาชน​ว่า “นี่​คือ คน​คน​นั้น”
(ยน. 19:15) เขา​เหล่า​นั้น​ตะโกน​ว่า“เอา​ตัว​ไป เอา​ตัว​ไป​ตรึง​กาง​เขน”
เขาให้พระองค์ถือไม้อ้อต่างพระขรรค์ เยาะเย้ยถากถาง ถูกล้อเลียนยกให้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน
วันทามารีย์เม็ดที่ 7 วันทามารีย์เม็ดที่ 7
(มก. 15:14) ปี​ลา​ต​ถาม​ว่า “เขา​ทำ​ผิด​อะไร” แต่​ประชาชน​ร้อง​ตะโกน​ดัง​ยิ่ง​ขึ้น​ว่า “เอา​เขา​ไป​ตรึง​กาง​เขน”
พวกทหารแกล้งคุกเข่า หัวเราะเยาะให้พระองค์เป็นกษัตริย์แห่งชาวยิว
วันทามารีย์เม็ดที่ 8 วันทามารีย์เม็ดที่ 8
(ยน. 19:15) เขา​เหล่า​นั้น​ตะโกน​ว่า“เอา​ตัว​ไป เอา​ตัว​ไป​ตรึง​กาง​เขน” ปี​ลา​ต​ถาม​เขา​ว่า “จะ​ให้​เรา​ตรึง​กาง​เขน​กษัตริย์​ของ​ท่าน​หรือ” บรรดา​หัวหน้า​สม​ณะ​ตอบ​ว่า “พวกเรา​ไม่​มี​กษัตริย์​อื่น นอก​จาก​พระ​จักรพรรดิ” ยังไม่สาแก่ใจ พวกเขาแย่งไม้อ้อจากพระองค์แล้วหวดเข้าที่พระเศียร กดมงกุฏหนามให้หนามทิ่มแทงให้ลึกลงไปอีก
วันทามารีย์เม็ดที่ 9 วันทามารีย์เม็ดที่ 9
(ยน. 19:16) ปี​ลา​ต​จึง​มอบ​พระ​องค์​ให้​เขา​เหล่า​นั้น​นำ​ไป​ตรึง​กาง​เขน    พระเยซูเจ้าทรงเผชิญพระมหาทรมานจากเหล่าทหารที่ชั่วร้าย จากความเย่อหยิ่งจองหองและจากความชิงชังจากผู้มีอำนาจทั้งหลาย
วันทามารีย์เม็ดที่ 10 วันทามารีย์เม็ดที่ 10

———–

carrying cross ข้อรำพึงเกี่ยวกับความทุกข์ของพระเยซูเจ้า

4. พระเยซูเจ้าทรงแบกไม้กางเขน

(สวดวันอังคาร และวันศุกร์)

รำพึงตามพระวรสารในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (ฺSCRIPTURE ROSARY)

ข้อคิดรำพึงในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (Bead by Bead)

(ลก. 9:23) พระ​องค์​ตรัส​กับ​ทุก​คน​ว่า “ถ้า​ผู้ใด​อยาก​ติดตาม​เรา​ก็​จง​เลิก​นึกถึง​ตนเอง
พระเยซูเจ้าทรงถูกสวมมงกุฏหนาม ในขณะที่แบกไม้กางเขนไปด้วยเพื่อไปยังเนินเขากัลวาริโอ ท่ามกลางการโห่ร้องและเหยียดหยามจากฝูงชน
ข้าแต่พระบิดา ข้าแต่พระบิดา
(ลก. 9:23 ต่อ) จง​แบก​ไม้กาง​เขน​ของ​ตน​ทุก​วัน​และ​ติดตาม​เรา พระเยซูเจ้าทรงถูกตัดสินให้ประหารชีวิตด้วยการตรึงกางเขน
วันทามารีย์เม็ดที่ 1 วันทามารีย์เม็ดที่ 1
(ยน. 19:17) พระ​องค์​ทรง​แบก​ไม้กาง​เขน เสด็จ​ออก​ไป​ยัง​สถานที่​ที่​เรียก​ว่า “เนิน​หัว​กระ​โหล​ก” ภาษา​ฮีบรู​ว่า “กล​โก​ธา”
พระองค์ทรงแบกกางเขนด้วยความรักต่อมวลมนุษย์ ในไม่ช้าจะต้องถูกตรึงทรมานจนสิ้นพระชนม์
วันทามารีย์เม็ดที่ 2 วันทามารีย์เม็ดที่ 2
(ลก. 23:26) ขณะที่​บรรดา​ทหาร​นำ​พระ​องค์​ออก​ไป พวกเขา​เกณฑ์​ชาย​คน​หนึ่ง​ชื่อ​ซี​โม​น​ชาว​ไซ​รี​น​ซึ่ง​กำลัง​กลับ​จาก​ชนบท วาง​ไม้กาง​เขน​บน​บ่า​ของ​เขา​ให้​แบก​ตาม​พระ​เยซู​เจ้า ระหว่างทางการแบกกางเขน พระองค์ทรงเผชิญหน้ากับพระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ พระทัยของพระนางปวดร้าวและเศร้าโศกยิ่งนัก
วันทามารีย์เม็ดที่ 3 วันทามารีย์เม็ดที่ 3
(มธ. 11:29) จง​รับ​แอก​ของ​เรา​แบก​ไว้ และ​มา​เป็น​ศิษย์​ของ​เรา เหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้าจากการเสียพระโลหิต พระองค์ทรงหกล้มหลายครั้งและถูกทับด้วยไม้กางเขน
วันทามารีย์เม็ดที่ 4 วันทามารีย์เม็ดที่ 4
(มธ. 11:29 ต่อ) เพราะ​เรา​มี​ใจ​สุภาพอ่อนโยน​และ​ถ่อม​ตน ซีโมนชาวไซรีน เริ่มแรกไม่เต็มใจที่จะช่วยพระองค์แบกกางเขน ต่อมาคือผู้ติดตามพระองค์อย่างซื่อสัตย์และศรัทธา
วันทามารีย์เม็ดที่ 5 วันทามารีย์เม็ดที่ 5
(มธ. 11:29 ต่อ) จิตใจ​ของ​ท่าน​จะ​ได้​รับ​การ​พักผ่อน
(มธ. 11:30) เพราะว่า​แอก​ของ​เรา​อ่อนนุ่ม​และ​ภาระ​ที่​เรา​ให้​ท่าน​แบก​ก็​เบา”
พระองค์ทรงเช็ดพระพักตร์บนผ้าที่นางเวโรนิกามอบให้และนางก็เก็บผ้าที่มีรอยพระพักตร์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ไว้
วันทามารีย์เม็ดที่ 6 วันทามารีย์เม็ดที่ 6
(ลก. 23:27) ประชาชน​จำนวน​มาก​ติดตาม​พระ​องค์​ไป​รวม​ทั้ง​สตรี​กลุ่ม​หนึ่งซึ่ง​ข้อน​อก​คร่ำครวญ​ถึง​พระ​องค์ ขณะที่ทรงดำเนินแบกกางเขน พระองค์ทรงปลอบโยนเหล่าสตรีแห่งเยรูซาเล็มที่ร่ำไห้สงสารพระองค์
วันทามารีย์เม็ดที่ 7 วันทามารีย์เม็ดที่ 7
(ลก. 23:28) พระ​เยซู​เจ้า​ทรง​หัน​พระ​พักตร์​มา​ทาง​สตรี​เหล่า​นี้ ตรัส​ว่า ‘ธิดา​เย​รู​ซา​เล็ม​เอ๋ย อย่า​ร้องไห้​สงสาร​เรา​เลย แต่​จง​ร้องไห้​สงสาร​ตนเอง​และ​ลูกๆ เถิด
พวกเพชรฆาตได้เตรียมที่จะตรึงพระองค์บนไม้กางเขนและให้ไวน์และถุงน้ำดีแก่พระองค์ดื่ม
วันทามารีย์เม็ดที่ 8 วันทามารีย์เม็ดที่ 8
(ลก. 23:31) เพราะ​ถ้า​เขา​ทำ​กับ​ไม้​สด​เช่นนี้ อะไร​จะ​เกิด​ขึ้น​กับ​ไม้​แห้ง​เล่า’ พระองค์ทรงสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวดเมื่อถูกดึงฉลองพระองค์ออกจากร่างเต็มไปด้วยบาดแผลที่ฉีกขาด
วันทามารีย์เม็ดที่ 9 วันทามารีย์เม็ดที่ 9
ลก. 23:32 บรรดา​ทหาร​นำ​ผู้ร้าย​สอง​คน​ไป​ประหาร​พร้อมกับ​พระ​องค์​ด้วย
ทรงถูกผลักกระชากให้นอนลง พระหัตถ์และพระบาทถูกตอกตรึงกับไม้กางเขน
วันทามารีย์เม็ดที่ 10 วันทามารีย์เม็ดที่ 10

——–

the crucifixion of christ 300x262 ข้อรำพึงเกี่ยวกับความทุกข์ของพระเยซูเจ้า

5. พระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน

(สวดวันอังคาร และวันศุกร์)

รำพึงตามพระวรสารในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (ฺSCRIPTURE ROSARY)

ข้อคิดรำพึงในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (Bead by Bead)

(ลก. 23:33) เมื่อ​มา​ถึง​สถานที่​ที่​เรียก​ว่า​เนิน​หัว​กระ​โหล​ก บรรดา​ทหาร​ตรึง​พระ​องค์​ที่นั่น​พร้อมกับ​ผู้ร้าย​สอง​คน คน​หนึ่ง​อยู่​ข้าง​ขวา​และ​อีก​คน​หนึ่ง​อยู่​ข้าง​ซ้าย
พระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงกางเขนบนเนินเขากัลวาริโอระหว่างโจร 2 คน ทรงเจ็บปวดทรมานบนไม้กางเขนและหลั่งพระโลหิตสิ้นพระชนม์เพื่อความรอดของโลก
ข้าแต่พระบิดา ข้าแต่พระบิดา
(ลก. 23:34) พระ​เยซู​เจ้า​ตรัส​ว่า ‘พระ​บิดา​เจ้าข้า โปรด​อภัย​ความ​ผิด​แก่​เขา​เถิด เพราะ​เขา​ไม่​รู้​ว่า​กำลัง​ทำ​อะไร’ ทหาร​นำ​เสื้อผ้า​ของ​พระ​องค์​ไป​จับสลาก​แบ่ง​กัน พระเยซูเจ้าทรงได้ยินเสียงเย้ยหยัน ประจานด่าทอ และดูหมิ่นเหยียดหยามจากฝูงชนที่ชั่วร้ายของกรุงเยรูซาเล็ม  บ่อยครั้งแค่ไหนที่บาปของเราเป็นเสียงที่ทำร้ายพระองค์เหมือนดั่งฝูงชนเหล่านั้น?
วันทามารีย์เม็ดที่ 1 วันทามารีย์เม็ดที่ 1
(มธ. 27:44) โจร​ที่​ถูก​ตรึง​บน​ไม้กาง​เขน​พร้อมกับ​พระ​องค์​ก็​เยาะเย้ย​พระ​องค์​ด้วย
(ลก. 23:39) ผู้ร้าย​คน​หนึ่ง​ที่​ถูก​ตรึง​บน​ไม้กาง​เขน พูด​ดูหมิ่น​พระ​องค์​ว่า ‘แก​เป็น​พระ​คริสต์​ไม่​ใช่​หรือจง​ช่วย​ตนเอง​และ​ช่วย​เรา​ให้​รอด​พ้น​ด้วย​ซิ’
พระองค์ทรงวอนขอพระเมตตาให้พระบิดาทรงอภัยโทษแก่พวกเขารวมถึงบาปของชาวเราที่ทำผิดต่อพระองค์
วันทามารีย์เม็ดที่ 2 วันทามารีย์เม็ดที่ 2
(ลก. 23:40) แต่​อีก​คน​หนึ่ง​ดุ​เขา​กล่าว​ว่า ‘แก​ไม่​เกรงกลัว​พระ​เจ้า​หรือ​?”
(ลก. 23:42) แล้ว​เขา​ทูล​ว่า ‘ข้า​แต่​พระ​เยซู โปรด​ระลึก​ถึง​ข้าพ​เจ้า​ด้วย เมื่อ​พระ​องค์​จะ​เสด็จ​สู่​พระ​อาณา​จักร​ของ​พระ​องค์’
พระองค์ยังทรงให้อภัยต่อโจรผู้สำนึกผิดและสัญญาว่าเขาจะอยู่กับพระองค์ในสวรรค์
วันทามารีย์เม็ดที่ 3 วันทามารีย์เม็ดที่ 3
​(ลก. 23:43) พระ​องค์​ตรัส​ตอบ​เขา​ว่า ‘เรา​บอก​ความ​จริง​กับ​ท่าน​ว่า วันนี้ ท่าน​จะ​อยู่​กับ​เรา​ใน​สวรรค์’
พระองค์ได้ทรงขอร้องพระมารดาให้ดูแลเราและทำให้เราทั้งหลายเป็นลูกฝ่ายวิญญาณของพระนาง
วันทามารีย์เม็ดที่ 4 วันทามารีย์เม็ดที่ 4
(ยน. 19:26) เมื่อ​พระ​เยซู​เจ้า​ทรง​เห็น​พระ​มารดา​และ​ศิษย์​ที่รัก​ยืน​อยู่​ใกล้ๆ พระมหาทรมานนั้นใหญ่หลวงนัก พระองค์ทรงสูญเสียความบรรเทาใจทุกอย่างจนกระทั่งสิ้นพระชนม์
วันทามารีย์เม็ดที่ 5 วันทามารีย์เม็ดที่ 5
(ยน. 19:26 ต่อ) จึง​ตรัส​กับ​พระ​มารดา​ว่า “แม่ นี่​คือ​ลูก​ของ​แม่”

(ยน. 19:27) แล้ว​ตรัส​กับ​ศิษย์​ผู้​นั้น​ว่า “นี่​คือ​แม่​ของ​ท่าน”

พระองค์ต้องทนทุกข์ทรมานจากความกระหายที่แผดเผาเนื่องจากบาปราคะตํณหาของชาวเรา
วันทามารีย์เม็ดที่ 6 วันทามารีย์เม็ดที่ 6
(ยน. 19:27 ต่อ) นับ​ตั้งแต่​นั้น ศิษย์​ผู้​นั้น​ก็​รับ​พระ​นาง​เป็น​มารดา​ของ​ตน
ภารกิจที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วเมื่อทรงเสียสละอย่างสูงสุดด้วยชีวิตของพระองค์เอง
วันทามารีย์เม็ดที่ 7 วันทามารีย์เม็ดที่ 7
(ลก. 23:45) เพราะ​ดวงอาทิตย์​มืด​ลง

(มธ. 27:51) ทัน​ใด​นั้น ม่าน​ใน​พระ​วิหารก็​ฉีก​ขาด​เป็น​สอง​ส่วน​ตั้งแต่​ด้าน​บน​ลง​มา​ถึง​ด้าน​ล่าง แผ่น​ดิน​สั่น​สะเทือน ก้อน​หิน​แตก

ทรงเอนพระเศียรซบลงกับพระอุระ พระองค์ได้ทรงมอบจิตวิญญาณคืนถวายแด่พระบิดา
วันทามารีย์เม็ดที่ 8 วันทามารีย์เม็ดที่ 8
(ลก. 23:46) พระ​เยซู​เจ้า​ทรง​ร้อง​เสียง​ดัง​ว่า ‘พระ​บิดา​เจ้าข้า ข้าพ​เจ้า​มอบ​จิต​ของ​ข้าพ​เจ้า​ไว้​ใน​พระ​หัตถ์​ของ​พระ​องค์’ พระวรกายถูกนำลงมาจากไม้กางเขน สู่อ้อมกอดของพระมารดาที่หัวใจแตกสลาย
วันทามารีย์เม็ดที่ 9 วันทามารีย์เม็ดที่ 9
(ยน. 19:30) พระ​เยซู​เจ้า​ทรง​จิบ​น้ำ​องุ่น​เปรี้ยว​แล้ว ตรัส​ว่า “สำเร็จ​บริบูรณ์​แล้ว”พระ​องค์​ทรง​เอน​พระ​เศียร สิ้น​พระ​ชนม์ ทรงถูกวางและฝังไว้ในพระคูหา ณ ที่นั้นเพื่อรอการกลับคืนพระชนม์ชีพ
วันทามารีย์เม็ดที่ 10 วันทามารีย์เม็ดที่ 10

 

The post สวดสายประคำพร้อมรำพึงตามพระคัมภีร์ในแต่ละบทวันทามารีย์ (3) appeared first on มาสวดสายประคำกันเถอะ.


สวดสายประคำพร้อมรำพึงตามพระคัมภีร์ในแต่ละบทวันทามารีย์ (4)

$
0
0

 

ท่านใดที่เข้ามาอ่าน ขอให้กรุณาเข้าไปอ่านบทนำ เพื่อปูพื้นความเข้าใจก่อน

สวดสายประคำพร้อมรำพึงตามพระคัมภีร์ในแต่ละบทวันทามารีย์ (บทเกริ่นนำ)

 

นี่คือหัวข้อสุดท้ายแห่งการรำพีงพระธรรมล้ำลึก คือภาคพระสิริรุ่งโรจน์

ในการใช้การรำพึงตามตารางข้างล่างนี้ ให้เลือกว่าจะรำพึงในแบบใด ข้าพเจ้าได้จัดเรียงตามบทภาวนาในแต่ละทศ อ่านข้อรำพึงแล้วก็สวดตามด้วยบทข้าแต่พระบิดาและบทวันทามารีย์ตามลำดับ

 

ถ้าต้องการรำพึงตามพระวรสารให้เลือกในช่องคอลัมน์แรก SCRIPTURE ROSARY ตัวหนังสือสีน้ำตาลแดง (เหมือนเช่นเคยข้าพเจ้าได้คัดลอกเรียบเรียงมาจาก Thai Catholic Bible แปลจากต้นฉบับภาษาฮีบรูและกรีก โดยคุณพ่อ ดร. ฟรังซิส ไกส์และคุณพ่อ ผศ. ทัศไนย์ คมกฤส)

และใน 2 หัวข้อสุดท้ายของพระธรรมล้ำลึกนี้คือ พระนางมารีย์ได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์และพระนางมารีย์ได้รับมงกุฎในสวรรค์นั้นได้มีพระคัมภีร์ในสารบบที่ 2 ซึ่งไม่มีอยู่ในพระคัมภีร์ฉบับมาตรฐานข้างต้น (Thai Catholic Bible) นั่นก็คือ “หนังสือยูดิธและหนังสือบุตรสิรา” รวมอยู่ด้วย ข้าพเจ้าจึงสอบถามจากคุณพ่อสมเกียรติ ตรีนิกร ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านพระคัมภีร์ที่เก่งมาก ๆ ซึ่งคุณพ่อก็ได้กรุณาให้อาจารย์มนต์สิงห์ ไกรสมสุข (ท่านก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านพระคัมภีร์ที่เก่งมากอีกท่านหนึ่งเหมือนกัน) แห่งบ้านผู้หว่านได้กรุณามอบไฟล์พระคัมภีร์ให้แก่ข้าพเจ้า ขอขอบพระคุณท่านทั้งสอง มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

 

ถ้าต้องการรำพึงที่นำเสนอในรูปแบบครุ่นคิด ก็เลือกช่องคอลัมน์ที่สอง Bead by Bead ตัวหนังสือสีน้ำเงินเข้ม

 

the resurrection

ภาคที่ 4 พระธรรมล้ำลึกพระสิริรุ่งโรจน์

ข้อรำพึงเกี่ยวกับการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า

(สวดวันพุธ และวันอาทิตย์)

1. พระเยซูเจ้ากลับคืนพระชนม์ชีพ

 

รำพึงตามพระวรสารในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (ฺSCRIPTURE ROSARY)

ข้อคิดรำพึงในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (Bead by Bead)

(ยน. 16:20) “เรา​บอก​ความ​จริง​กับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า ท่าน​จะ​ร้องไห้ คร่ำครวญ แต่​โลก​จะ​ยินดี ท่าน​จะ​เศร้าโศก แต่​ความ​เศร้าโศก​ของ​ท่าน​จะ​เปลี่ยน​เป็น​ความ​ยินดี
พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระขนม์ชีพในวันที่สามหลังจากการสิ้นพระชนม์ ระหว่าง 40 วันต่อมาพระองค์ทรงปรากฏกายให้บรรดาอัครสาวกเห็นหลายต่อหลายครั้ง
ข้าแต่พระบิดา ข้าแต่พระบิดา
(ยน. 16:22) ท่าน​ทั้ง​หลาย​ก็​เช่นเดียวกัน บัดนี้​ท่าน​มี​ความ​ทุกข์ แต่​เรา​จะ​เห็น​ท่าน​อีก และ​ใจ​ของ​ท่าน​จะ​ยินดี ไม่​มี​ใคร​นำ​ความ​ยินดี​ไป​จาก​ท่าน​ได้

พระเยซูเจ้าทรงนำข่าวดีและไถ่กู้วิญญาณของผู้ชอบธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อนการเสด็จมาของพระองค์
วันทามารีย์เม็ดที่ 1 วันทามารีย์เม็ดที่ 1
(ลก. 24:1) ตั้งแต่​เช้าตรู่​วัน​ต้น​สัปดาห์​บรรดา​สตรี​นำ​เครื่อง​หอม​ที่​เตรียม​ไว้​มา​ที่​พระ​คูหา
เช้าตรู่วันอีสเตอร์ พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนม์ชีพอย่างรุ่งโรจน์
วันทามารีย์เม็ดที่ 2 วันทามารีย์เม็ดที่ 2
(มธ. 28:2) บัดนั้น​ได้​เกิด​แผ่น​ดินไหว​อย่าง​รุนแรง ทูต​สวรรค์​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ลง​จาก​สวรรค์​เข้า​ไป​กลิ้ง​หิน​ออก​และ​นั่ง​บน​หิน​นั้น
พระวรกายส่งประกายสว่างไสวรุ่งโรจน์ ทรงเอาชนะความตายและบาปทั้งมวล
วันทามารีย์เม็ดที่ 3 วันทามารีย์เม็ดที่ 3
(มธ. 28:5) ทูต​สวรรค์​กล่าว​แก่​สตรี​ทั้ง​สอง​คน​ว่า “อย่า​กลัว​เลย ข้าพ​เจ้า​รู้​ว่า​ท่าน​กำลัง​มองหา​พระ​เยซู ผู้​ถูก​ตรึง​บน​ไม้กาง​เขน
ทูตสวรรค์ผลักก้อนหินใหญ่ที่ปิดพระคูหาออก ทหารยามต่างวิ่งหนีด้วยความกลัว
วันทามารีย์เม็ดที่ 4 วันทามารีย์เม็ดที่ 4
(ลก. 24:6) พระ​องค์​มิได้​ประทับ​อยู่​ที่นี่ พระ​องค์​ทรง​กลับคืน​พระ​ชนม​ชีพ​แล้ว

(มก. 16:6) ​สถานที่​นี้​คือ​สถานที่​ที่​เขา​ได้​วาง​พระ​ศพ​ไว้

พระองค์ทรงสำแดงพระวรกายต่อพระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ พระพักตร์และบาดแผลสุกใสเรืองรอง
วันทามารีย์เม็ดที่ 5 วันทามารีย์เม็ดที่ 5
(มธ. 28:7) ‘พระ​องค์​ทรง​กลับคืน​พระ​ชนม​ชีพ​จาก​บรรดา​ผู้ตาย​แล้ว พระ​องค์​เสด็จ​ล่วง​หน้า​ท่าน​ไป​ใน​แคว้น​กา​ลิลี ท่าน​จะ​พบ​พระ​องค์​ที่นั่น’ ทูตสวรรค์ได้บอกแก่เหล่าสตรีในอุโมงค์พระคูหาว่าพระองค์ไม่ได้อยู่ที่นั่น ทรงกลับคืนพระชนม์ชีพแล้ว
วันทามารีย์เม็ดที่ 6 วันทามารีย์เม็ดที่ 6
(มธ. 28:8) สตรี​ทั้ง​สอง​คน​มี​ทั้ง​ความ​กลัว​และ​ความ​ยินดี​อย่างยิ่ง รีบ​ออก​จาก​พระ​คูหาวิ่ง​ไป​แจ้ง​ข่าว​แก่​บรรดา​ศิษย์​ของ​พระ​องค์
พระองค์ทรงปรากฏองค์ให้แก่เหล่าสตรีเห็น เมื่อพวกนางออกจากพระคูหา พวกนางต่างก้มกราบที่พระบาท
วันทามารีย์เม็ดที่ 7 วันทามารีย์เม็ดที่ 7
(ยน. 11:25) พระ​เยซู​เจ้า​ตรัส​กับ​นาง​ว่า เรา​เป็น​การ​กลับคืน​ชีพ​และ​เป็น​ชีวิต ใคร​เชื่อ​ใน​เรา แม้​ตาย​ไป​แล้ว ก็​จะ​มี​ชีวิต
พระองค์ทรงปรากฏกายต่อมารีย์ มักดาเลนา ผู้ซึ่งปิติยินดีเป็นล้นพ้นและจำพระองค์ได้ทันทีที่พระองค์ทรงเรียกชื่อ
วันทามารีย์เม็ดที่ 8 วันทามารีย์เม็ดที่ 8
(ยน. 11:26) และ​ทุก​คน​ที่​มี​ชีวิต และ​เชื่อ​ใน​เรา จะ​ไม่​มี​วัน​ตาย​เลย ท่าน​เชื่อ​เช่นนี้​หรือ’
พระองค์ทรงร่วมเดินทางไปหมู่บ้านเอ็มมาอุสกับสานุศิษย์ 2 คนและทรงเปิดเผยพระองค์ในขณะรับประทานอาหารร่วมกับพวกเขา
วันทามารีย์เม็ดที่ 9 วันทามารีย์เม็ดที่ 9
(มก. 16:14) ใน​ที่สุด พระ​องค์​ทรง​แสดง​พระ​องค์​แก่​อัคร​สาวก​สิบ​เอ็ด​คน​ขณะที่​เขา​กำลัง​ร่วม​โต๊ะ​กิน​อาหาร​อยู่
ทรงปรากฏายให้แก่บรรดาอัครสาวก ผู้ซึ่งกำลังหวาดกลัวและทรงแสดงรอยแผลที่พระหัตถ์และพระบาท
วันทามารีย์เม็ดที่ 10 วันทามารีย์เม็ดที่ 10

———————

the ascension ข้อรำพึงเกี่ยวกับการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า

2. พระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์

(สวดวันพุธ และวันอาทิตย์)

รำพึงตามพระวรสารในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (ฺSCRIPTURE ROSARY)

ข้อคิดรำพึงในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (Bead by Bead)

(ลก. 24:50) พระ​องค์​ทรง​นำ​บรรดา​ศิษย์​ออก​ไป​ใกล้​หมู่บ้าน​เบ​ธานี ทรง​ยก​พระ​หัตถ์​ขึ้น​อวย​พระ​พร
40 วันหลังจากการคืนพระชนม์ชีพ พระเยซูเจ้าทรงดำเนินไปกับเหล่าบรรดาอัครสาวกและสานุศิษย์ทั้งหลายสู่ภูเขามะกอกเทศ (Olivet) หลังจากทรงอวยพระพรแก่พวกเขา ทรงถูกยกขึ้นเสด็จสู่สวรรค์
ข้าแต่พระบิดา ข้าแต่พระบิดา
(มธ. 28:18) พระ​เยซู​เจ้า​เสด็จ​เข้า​มา​ใกล้ ตรัส​แก่​เขา​เหล่า​นั้น​ว่า“พระ​เจ้า​ทรง​มอบอำนาจ​อาชญาสิทธิ์​ทั้งหมด​ใน​สวรรค์​และ​บน​แผ่น​ดิน​ให้แก่​เรา
พระเยซูเจ้าทรงปรากฏที่ห้องโถง (ที่ทรงตั้งศีลมหาสนิทก่อนพระมหาทรมาน) ในขณะที่พระแม่มารีย์และบรรดาอัครสาวกกำลังชุมนุมกันอยู่
วันทามารีย์เม็ดที่ 1 วันทามารีย์เม็ดที่ 1
(มธ. 28:19) เพราะฉะนั้น ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​ไป​สั่งสอน​นานา​ชาติ​ให้​มา​เป็น​ศิษย์​ของ​เรา
พระองค์ทรงร่วมรับประทานอาหารกับพวกเขาเป็นครั้งสุดท้ายและทรงให้โอวาทสุดท้ายแก่พวกเขา
วันทามารีย์เม็ดที่ 2 วันทามารีย์เม็ดที่ 2
(มธ. 28:19 ต่อ) ทำ​พิธี​ล้าง​บาป​ให้​เขา​เดชะ​พระ​นาม​พระ​บิดา พระ​บุตร​ และ​พระ​จิต ทรงให้ไปเทศนาสั่งสอนไปทั่วโลกในพระนามและภายใต้ฤทธิ์อำนาจของพระองค์
วันทามารีย์เม็ดที่ 3 วันทามารีย์เม็ดที่ 3
มธ. 28:20 จง​สอน​เขา​ให้​ปฏิบัติ​ตาม​คำ​สั่ง​ทุก​ข้อ​ที่​เรา​ให้แก่​ท่าน ทรงสัญญาว่าจะประทับอยู่กับพวกเขาและเหล่าผู้สืบทอดจนกว่าจะสิ้นพิภพ
วันทามารีย์เม็ดที่ 4 วันทามารีย์เม็ดที่ 4
(มก. 16:15) พระ​องค์​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​ออก​ไป​ทั่วโลก ประกาศ​ข่าว​ดี​ให้​มนุษย์​ทั้งปวง หลังจากนั้นพระองค์ทรงดำเนินไปกับพระมารดาและเหล่าบรรดาอัคสาวกและสานุศิษย์ไปยังเนินเขามะกอกเทศ
วันทามารีย์เม็ดที่ 5 วันทามารีย์เม็ดที่ 5
(มก. 16:16) ผู้​ที่​เชื่อ​และ​รับศีล​ล้าง​บาป​ก็​จะ​รอด​พ้น ผู้​ที่​ไม่​เชื่อ​จะ​ถูก​ตัดสิน​ลงโทษ ทรงอวยพระพรแก่พวกเขาและกล่าวอำลาพวกเขา พระองค์ทรงกำลังจากไปแล้ว
วันทามารีย์เม็ดที่ 6 วันทามารีย์เม็ดที่ 6
(มธ. 28:20 ต่อ) แล้ว​จง​รู้​เถิด​ว่า​เรา​อยู่​กับ​ท่าน​ทุก​วัน​ตลอดไป​ตราบ​จน​สิ้น​พิภพ”
พวกเขาต่างแหงนมองพระองค์ซึ่งลอยขึ้นช้า ๆสู่ท้องฟ้า จนกระทั่งลับหายไปในเมฆหมอก
วันทามารีย์เม็ดที่ 7 วันทามารีย์เม็ดที่ 7
(ลก. 24:51) และ​ขณะที่​ทรง​อวย​พระ​พร​นั้น พระ​องค์​ทรง​แยก​ไป​จาก​เขา
ทูตสวรรค์จำนวนมากมายพร้อมกับวิญญาณของพวกชอบธรรมทั้งหลายร่วมไปพร้อมพระองค์ด้วย
วันทามารีย์เม็ดที่ 8 วันทามารีย์เม็ดที่ 8
(มก. 16:19) เมื่อ​พระ​เยซูเจ้า​ตรัส​ดังนี้​แล้ว พระ​เจ้า​ทรง​รับ​พระ​องค์​ขึ้น​สู่​สวรรค์ ให้​ประทับ ณ เบื้องขวา
บรรดาอัครสาวกต่างยังคงยืนจ้องมองสู่ท้องฟ้าหลังจากที่พระองค์ทรงลับหายไปจากสายตาของพวกเขา
วันทามารีย์เม็ดที่ 9 วันทามารีย์เม็ดที่ 9
(กจ. 1:11) ทูตสวรรค์กล่าว​ว่า  พระ​เยซู​เจ้า​พระ​องค์​นี้ที่​ทรง​เสด็จขึ้น​สู่​สวรรค์จะ​เสด็จ​กลับ​มา​เช่น​เดียวกับ​ที่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เห็น​พระ​องค์​ทรง​จาก​ไป​สู่​สวรรค์”

ทูตสวรรค์ได้เตือนพวกเขาว่าพระองค์จะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งแบบเดียวกันนี้เพื่อพิพากษาผู้เป็นและผู้ตาย
วันทามารีย์เม็ดที่ 10 วันทามารีย์เม็ดที่ 10

———————–

decent of holyspirit ข้อรำพึงเกี่ยวกับการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า


3. พระจิตเสด็จมา

(สวดวันพุธ และวันอาทิตย์)

รำพึงตามพระวรสารในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (ฺSCRIPTURE ROSARY)

ข้อคิดรำพึงในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (Bead by Bead)

(กจ. 2:1) เมื่อ​วัน​เปนเต​กอ​สเต​มา​ถึง บรรดา​ศิษย์​ทุก​คนมา​ชุมนุม​ใน​สถานที่​เดียวกัน
10 วันหลังจากที่พระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ พระองค์ทรงส่งพระจิตเจ้ามาสอนบรรดาอัครสาวกทุกสิ่งทุกอย่างและทรงสถิตย์อยู่กับพวกเขาตลอดไป
ข้าแต่พระบิดา ข้าแต่พระบิดา
(กจ. 2:2) ทัน​ใด​นั้น​มี​เสียง​จาก​ฟ้า​เหมือน​เสียง​ลม​พัด​แรงกล้าทุก​คน​ที่อยู่​ใน​บ้าน​ได้ยิน
พระแม่มารีย์และเหล่าบรรดาอัครสาวกและสานุศิษย์กลับเข้าสู่ห้องโถงด้วยความยินดีและสันติสุข
วันทามารีย์เม็ดที่ 1 วันทามารีย์เม็ดที่ 1
(กจ. 2:3) เขา​เห็น​เปลวไฟ​ลักษณะ​เหมือน​ลิ้นแยก​ไป​อยู่​เหนือ​ศีรษะ​ของ​เขา​แต่ละ​คน
พระมารดาและพวกเขามาชุมนุมสวดภาวนา พลีกรรมอดอาหารเพื่อรอพระจิตเจ้าเสด็จมา
วันทามารีย์เม็ดที่ 2 วันทามารีย์เม็ดที่ 2
(กจ. 2:4)ทุก​คน​ได้​รับ​พระ​จิต​เจ้า​เต็มเปี่ยม และ​เริ่ม​พูด​ภาษา​อื่นๆ
(กจ. 2:11) เรา​ได้ยิน​คน​เหล่า​นี้​ประกาศ​กิจการ​อัน​ยิ่งใหญ่​ของ​พระ​เจ้า​เป็น​ภาษา​ของ​เรา”
พวกเขาได้เริ่มสวดนพวารรวมทั้งเข้าเงียบเป็นครั้งแรกสุดในประวัติศาสตร์ของคริสตชน
วันทามารีย์เม็ดที่ 3 วันทามารีย์เม็ดที่ 3
(กจ. 2:5) ขณะนั้น​ที่​กรุง​เย​รู​ซา​เล็ม​มี​ชาว​ยิว​ผู้​เลื่อมใส​ศรัทธา​ใน​พระ​เจ้ามา​จาก​ทุก​ชาติ​ทั่วโลก
​มัทธีอัสได้รับเลือกให้เป็นอัครสาวกแทนที่ยูดาสที่ได้ทรยศและผูกคอตาย
วันทามารีย์เม็ดที่ 4 วันทามารีย์เม็ดที่ 4
(กจ. 2:14) เป​โตร​ยืน​ขึ้น​พร้อมกับ​บรรดา​อัคร​สาวก​สิบ​เอ็ด​คนและ​พูด​กับ​ประชาชน​ด้วย​เสียง​ดัง​ว่า “ท่าน​ทั้ง​หลาย ชาว​ยูเดีย และ​ท่าน​ที่​อาศัย​อยู่​ใน​กรุง​เย​รู​ซา​เล็ม จง​ตั้งใจ​ฟัง​วาจา​ของ​ข้าพ​เจ้า​เถิด
เสียง​จาก​ฟ้า​เหมือน​เสียง​ลม​พัด​แรงกล้าเป็นการประกาศว่าพระจิตเจ้ากำลังเสด็จมา
วันทามารีย์เม็ดที่ 5 วันทามารีย์เม็ดที่ 5
(กจ. 2:38)  “ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​กลับใจ​เถิดแต่ละ​คน​จง​รับศีล​ล้าง​บาป​เดชะ​พระ​นาม​ของ​พระ​เยซู​คริสต​เจ้าเพื่อ​จะ​ได้​รับ​การ​อภัย​บาป แล้ว​ท่าน​จะ​ได้​รับ​พระ​พร​ของ​พระ​จิต​เจ้า
องค์พระจิตเจ้าทรงประทับอยู่เหนือศีรษะของพวกเขาแต่ละคนในรูปเปลวไฟ​ลักษณะ​เหมือน​ลิ้น
วันทามารีย์เม็ดที่ 6 วันทามารีย์เม็ดที่ 6
(กจ. 2:41) คน​เหล่า​นั้น​รับ​ถ้อยคำ​ของ​เป​โตร​และ​ได้​รับศีล​ล้าง​บาป วัน​นั้น​ผู้​มี​ความ​เชื่อ​มี​จำนวน​เพิ่ม​ขึ้น​อีก​ประ​มาณ​สาม​พัน​คน

 

ทันใดพวกเขาทั้งหลายก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพระจิตเจ้าและต่างก็ร้องสรรเสริญพระเจ้า
วันทามารีย์เม็ดที่ 7 วันทามารีย์เม็ดที่ 7
(สดด. 104:30) เมื่อ​พระ​องค์​ทรง​ส่ง​พระ​จิต​ของ​พระ​องค์​ลง​มา สิ่งมีชีวิต​ก็​ถูก​สร้าง​ขึ้น พระ​องค์​ทรง​เปลี่ยน​โฉมหน้า​ของ​แผ่น​ดิน

 

ชาวยิวจากกรุงเยรูซาเล็มและประชาชนทั่วสารทิศต่างมารวมตัวกันเพื่อฟังบรรดาอัครสาวกเทศน์สอน
วันทามารีย์เม็ดที่ 8 วันทามารีย์เม็ดที่ 8
(ยน. 16:13) เมื่อ​พระ​จิต​แห่ง​ความ​จริง​เสด็จ​มา พระ​องค์​จะ​ทรง​นำ​ท่าน​ไป​สู่​ความ​จริง​ทั้งมวล เปโตรเริ่มเทศนาสั่งสอนเป็นครั้งแรกและทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างก็เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดในภาษาของตนเอง
วันทามารีย์เม็ดที่ 9 วันทามารีย์เม็ดที่ 9
เชิญเสด็จมาข้าแต่พระจิตเจ้า เชิญเสด็จมาสถิตในดวงใจสัตบุรุษและทรงบันดาลให้ลุกร้อนด้วยความรักของพระองค์

(กจ. 10:44) ขณะที่​เป​โตร​กำลัง​พูด พระ​จิต​เจ้า​เสด็จ​ลง​มาเหนือ​ทุก​คน​ที่​กำลัง​ฟัง​พระ​วาจา

ฝูงชนจำนวนสามพันคนได้กลับใจและรับศีลล้างบาปในการปฐมเทศนาของเปโตรและพระศาสนจักร
วันทามารีย์เม็ดที่ 10 วันทามารีย์เม็ดที่ 10

———–

the assumption ข้อรำพึงเกี่ยวกับการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า

4. พระนางมารีย์ได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์

(สวดวันพุธ และวันอาทิตย์)

รำพึงตามพระวรสารในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (ฺSCRIPTURE ROSARY)

ข้อคิดรำพึงในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (Bead by Bead)

(กจ. 1:14) ทุก​คน​ร่วม​อธิษ​ฐาน​ภาวนาสม่ำเสมอ​เป็น​น้ำ​หนึ่ง​ใจ​เดียว​กัน พร้อมกับ​บรรดา​สตรี รวม​ทั้ง​มา​รีย์​พระ​มารดา​ของ​พระ​เยซู​เจ้า​และ​พี่​น้อง​ของ​พระ​องค์

 


ประมาณ 12 ปีหรือมากกว่านั้นหลังจากที่พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พระแม่มารีย์ก็ได้สิ้นลมและถูกพระเจ้ายกขึ้นสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ
ข้าแต่พระบิดา ข้าแต่พระบิดา

“ลูกรัก พระเจ้าผู้สูงสุดประทานพระพรแก่ท่านมากกว่าแก่หญิงใดๆ บนแผ่นดิน”
(ยูดิธ 13:18)
ความเศร้าโศกดังถูกเนรเทศในหุบเหวแห่งน้ำตาของแม่พระกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว
วันทามารีย์เม็ดที่ 1 วันทามารีย์เม็ดที่ 1
ความวางใจที่ท่านมีต่อพระเจ้า
จะไม่ลบเลือนไปจากความทรงจำของมนุษย์
ซึ่งจะระลึกถึงพระอานุภาพของพระเจ้าตลอดไป
(ยูดิธ 13:19)
พระนางทรงรำลึกถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และพระมหาทรมานของพระบุตรเป็นครั้งสุดท้าย
วันทามารีย์เม็ดที่ 2 วันทามารีย์เม็ดที่ 2
ขอท่านจงได้รับพระพรจากชาวยูดาห์ทุกบ้าน
และจากชนทุกชาติ
ผู้ใดได้ยินชื่อของท่าน
จะรู้สึกหวั่นไหว
(ยูดิธ 14:7)
พระแม่ทรงติดตามงานของเหล่าบรรดาอัครสาวกด้วยความสนพระทัยเป็นอย่างยิ่ง
วันทามารีย์เม็ดที่ 3 วันทามารีย์เม็ดที่ 3
“ท่านเป็นสิริรุ่งโรจน์ของกรุงเยรูซาเล็ม
เป็นความภาคภูมิใจยิ่งใหญ่ของอิสราเอล
ท่านเป็นศักดิ์ศรีรุ่งโรจน์ของชนชาติของเรา”
(ยูดิธ 15:9)
พระศาสนจักรยุคแรกเริ่มได้ค่อย ๆเจริญเติบโตขึ้นในดินแดนต่าง ๆนำมาซึ่งความปิติยินดีแด่แม่พระ
วันทามารีย์เม็ดที่ 4 วันทามารีย์เม็ดที่ 4
(สดด. 45:10) ฟัง​เถิด ธิดา​เอ๋ย จง​ดู​และ​ตั้งใจ​ฟัง
(สดด. 45:11) พระ​ราชา​จะ​ทรง​หลงรัก​ความ​งาม​ของ​ท่าน
ขณะเดียวกันความปรารถนาที่จะได้อยู่ร่วมกับพระบุตรสุดที่รักของพระนางในสวรรค์ก็มีมากขึ้น ๆตามวันเวลาที่ผ่านมา
วันทามารีย์เม็ดที่ 5 วันทามารีย์เม็ดที่ 5
(วว. 11:19) พระ​วิหาร​ของ​พระ​เจ้า​ใน​สวรรค์เปิด​ออก มองเห็น​หีบ​พันธ​สัญญา​ใน​พระ​วิหาร มี​ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง​เสียง​ดัง แผ่น​ดินไหว​และ​ลูกเห็บ​ตก​อย่าง​หนัก บรรดาอัครสาวกได้มารวมตัวกันเพื่อสวดภาวนาเพื่อจะได้ส่งพระนางขึ้นสู่สวรรค์
วันทามารีย์เม็ดที่ 6 วันทามารีย์เม็ดที่ 6
(วว. 12:1) เครื่อง​หมาย​ยิ่งใหญ่​ปรากฏ​ใน​สวรรค์ คือ​สตรี​ผู้​หนึ่งมี​ดวงอาทิตย์​เป็น​อาภรณ์

ในที่สุดพระนางก็ได้พบองค์พระเยซูเจ้า พระบุตรบนสวรรค์
วันทามารีย์เม็ดที่ 7 วันทามารีย์เม็ดที่ 7
(วว. 12:1 ต่อ) มี​ดวงจันทร์​อยู่​ใต้เท้า มี​มงกุฎ​ดาว​สิบ​สอง​ดวง​ประดับ​ศีรษะ พระกายและวิญญาณของพระนางได้ถูกยกขึ้นสวรรค์
วันทามารีย์เม็ดที่ 8 วันทามารีย์เม็ดที่ 8
(สดด. 98:1) จง​ร้องเพลง​บท​ใหม่​ถวาย​พระ​ยาห์​เวห์ เพราะ​พระ​องค์​ทรง​กระทำ​สิ่ง​มหัศจรรย์ ชีวิตที่บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ ปราศจากบาปและมลทินใด ๆ ความนอบน้อมเชื่อฟังต่อพระเจ้าของแม่พระ บัดนี้ได้รับรางวัลสูงสุด
วันทามารีย์เม็ดที่ 9 วันทามารีย์เม็ดที่ 9
(สดด. 45:14) ทรง​อาภรณ์​ปัก​ลวดลาย​เสด็จ​มา​เฝ้า​พระ​ราชา บรรดา​เพื่อน​สาว​ติดตาม​นาง​มา​เฝ้า​พระ​องค์​ด้วย พระนางได้อยู่ร่วมกับองค์พระบุตร ทรงประทับอยู่ใกล้พระองค์ตลอดนิรันดร
วันทามารีย์เม็ดที่ 10 วันทามารีย์เม็ดที่ 10

——–

the coronation ข้อรำพึงเกี่ยวกับการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า

5. พระนางมารีย์ได้รับมงกุฎในสวรรค์

(สวดวันพุธ และวันอาทิตย์)

รำพึงตามพระวรสารในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (ฺSCRIPTURE ROSARY)

ข้อคิดรำพึงในแต่ละเม็ดของบทวันทามารีย์ (Bead by Bead)

(ลก. 1:43) ทำไม​หนอ​พระ​มารดา​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้าจึง​เสด็จ​มา​เยี่ยม​ข้าพ​เจ้า

 

พระนางมารีย์ทรงยินดีปรีดาเป็นล้นพ้นเมื่อได้รับพระราชทานมงกุฎให้เป็นพระราชินีแห่งสรวงสวรรค์เหนือกว่าเหล่านิกรเทวดาและนักบุญทั้งหลายโดยพระบุตรสุดที่รักของพระนาง
ข้าแต่พระบิดา ข้าแต่พระบิดา
(พซม. 6:10) “หญิงสาว​ผู้​นี้​เป็น​ใคร​หนอ​ที่​ป​รา​กฎ​ขึ้น​ดัง​แสง​อรุโณทัย งาม​เหมือน​ดวงจันทร์ เจิดจ้า​ดัง​ดวงอาทิตย์ น่า​เกรงขาม​เหมือน​กองทัพ​มี​ธง​ประจำ”
พระแม่มารีย์ทรงเข้าสู่สวรรค์ท่ามกลางเสียงแซ่ซ้องยินดีของบรรดาเหล่านิกรเทวดาและนักบุญทั้งหลาย
วันทามารีย์เม็ดที่ 1 วันทามารีย์เม็ดที่ 1
เป็นเหมือนสายรุ้งที่ฉายแสงในหมู่เมฆสุกใส
เป็นเหมือนดอกกุหลาบในฤดูใบไม้ผลิ
(บุตรสิรา 50:7,8)
พระเยซูเจ้าทรงเสด็จมาต้อนรับพระมารดาสุดที่รักของพระองค์เป็นพระองค์แรก
วันทามารีย์เม็ดที่ 2 วันทามารีย์เม็ดที่ 2
“ข้าพเจ้าเป็นมารดาแห่งความรักบริสุทธิ์ ความยำเกรง ความรู้ และความหวังแน่วแน่” (สำนวนแปลโบราณภาษาละตินเสริม)

(บุตรสิรา 24:18)

พระบิดาทรงต้อนรับพระนางในฐานะธิดา และพระจิตเจ้าในฐานะเจ้าสาวของพระองค์
วันทามารีย์เม็ดที่ 3 วันทามารีย์เม็ดที่ 3
“พระเจ้าประทานข้าพเจ้าซึ่งดำรงอยู่ตั้งแต่นิรันดรให้แก่บรรดาบุตรที่ทรงเลือกสรร”(สำเนาโบราณภาษากรีก)
“ในข้าพเจ้ามีพระหรรษทานทุกประการที่ให้ชีวิตและความจริง ในข้าพเจ้ามี
ความหวังทุกประการที่นำชีวิตและพละกำลัง” (สำนวนแปลโบราณภาษาละติน)
(บุตรสิรา 24:18)
บรรดาเหล่านิกรเทวดาทั่วทั้ง 9 ชั้นฟ้านำโดยอัครเทวดามีคาแอลได้ต้อนรับพระแม่ในฐานะพระราชินีของพวกท่านทั้งหลาย
วันทามารีย์เม็ดที่ 4 วันทามารีย์เม็ดที่ 4
ท่านที่ปรารถนาอยากได้ข้าพเจ้า จงมาหาข้าพเจ้าเถิด
จงกินผลของข้าพเจ้าให้อิ่ม
(บุตรสิรา 24:19)
นักบุญยออากิมและนักบุญอันนา บิดามารดาของแม่พระได้มาต้อนรับพระนางรวมทั้งนักบุญโยเซฟพระภัสดาหรือพระคู่หมั้นของพระนาง
วันทามารีย์เม็ดที่ 5 วันทามารีย์เม็ดที่ 5
เพราะความระลึกถึงข้าพเจ้าหวานกว่าน้ำผึ้ง
การได้ข้าพเจ้าเป็นมรดกหวานยิ่งกว่ารวงผึ้ง
(บุตรสิรา 24:20)
พระนางยังได้การต้อนรับจากบรรดาผู้ชอบธรรม เหล่าพรหมจารีและมรณสักขีรวมทั้งบรรดาประกาศกทั้งหลาย
วันทามารีย์เม็ดที่ 6 วันทามารีย์เม็ดที่ 6
(สภษ. 8:32) “ลูก​ทั้ง​หลาย​เอ๋ย บัดนี้​จง​ฟัง​ดิฉัน​เถิด ผู้​ที่​เดิน​ตาม​หนทาง​ของ​ดิฉัน​ย่อม​เป็นสุข
(สภษ. 8:33) จง​ฟัง​คำ​สั่ง​สอน และ​จง​ฉลาด อย่า​ละเลย​คำ​สั่ง​สอน​นี้
พระเยซูเจ้าทรงให้พระมารดาประทับบนบัลลังค์ใกล้พระองค์ ทรงพระราชทานพระมงกุฏที่สุกสว่างรุ่งโรจน์แด่พระนาง
วันทามารีย์เม็ดที่ 7 วันทามารีย์เม็ดที่ 7
(สภษ. 8:34) ผู้ใด​ฟัง​ดิฉัน​ย่อม​เป็นสุข คือ​ผู้​ที่​เฝ้า​อยู่​ที่​ประตู​ทุก​วัน และ​รอคอย​จะ​เข้า​ประตู​บ้าน​ของ​ดิฉัน แม่พระผู้ซึ่งเคยเป็นพระมารดาแห่งความโศกศัลย์ บัดนี้ได้ทรงเป็นพระมารดาแห่งพระสิริมงคลตลอดนิรันดร
วันทามารีย์เม็ดที่ 8 วันทามารีย์เม็ดที่ 8
(สภษ. 8:35) เพราะ​ผู้ใด​พบ​ดิฉัน ผู้​นั้น​ก็​พบ​ชีวิต และ​ได้​รับ​ความ​โปรดปราน​จาก​พระ​ยาห์​เวห์
พระนางผู้ซึ่งยอมประทานพระเยซูเจ้าให้แก่ชาวเรา คือพระมารดาผู้ได้รับมอบให้เป็นสื่อกลางแห่งพระหรรษทานทั้งปวงของพระเจ้าและพร้อมที่จะประทานให้แก่เราคริสตชนทั้งหลาย
วันทามารีย์เม็ดที่ 9 วันทามารีย์เม็ดที่ 9
วันทาพระราชินี พระแม่ผู้ทรงเมตตา โปรดปกป้องลูกจากเหล่าศัตรูและโปรดกรุณามารับวิญญาณของลูกในขณะที่ลูกสิ้นลมเทอญ อาแมน (บทภาวนาวิงวอนต่อพระแม่ราชินีแห่งสวรรค์)

(สดด. 45:6) พระ​เจ้า​ข้าพระ​ราช​บัลลังก์​ของ​พระ​องค์​ดำรง​อยู่​ตลอดกาล

(สดด. 45:9) พระ​ราชินี​เสด็จ​เข้า​มา​ประทับ​อยู่​เบื้อง​พระ​หัตถ์​ขวา ประดับ​องค์​ด้วย​ทองคำ​จาก​โอ​ฟีร์

พระแม่มารีย์ พระมารดาพระเจ้าและของมนุษย์ทั้งหลาย บัดนี้คือพระราชินีหนึ่งเดียวแห่งสรวงสวรรค์
วันทามารีย์เม็ดที่ 10 วันทามารีย์เม็ดที่ 10

 

The post สวดสายประคำพร้อมรำพึงตามพระคัมภีร์ในแต่ละบทวันทามารีย์ (4) appeared first on มาสวดสายประคำกันเถอะ.

สวดสายประคำพร้อมรำพึงตามพระคัมภีร์ในแต่ละบทวันทามารีย์-บทส่งท้าย

$
0
0

 

ข้าพเจ้าขออนุญาตโพสต์บทส่งท้ายของชุด “สวดสายประคำพร้อมรำพึงตามพระคัมภีร์” เนื่องจากข้าพเจ้ายังไม่ได้บอกลิงค์ของต้นฉบับที่ใช้ถอดความและเรียบเรียงเลย  รวมทั้งขอเพิ่มเติมในบทสวดภาวนาที่ยังไม่ได้กล่าวถึง พร้อมกับขอสรุปส่งท้ายด้วย

 

ลิงค์ต้นฉบับ

ให้คลิกที่คำว่า “HTML หรือ PDF” ถ้าคลิกที่ HTML ก็จะเป็นการเปิดอ่านโดยตรง ถ้าคลิกที่ PDF เป็นการเซฟเป็นไฟล์ PDF

1. SCRIPTURE ROSARY ตัวหนังสือสีน้ำตาลแดง เขียนหรือพิมพ์ปี 2008

The Scripture Rosary with the Luminous Mysteries

2. Bead by Bead ตัวหนังสือสีน้ำเงินเข้ม เขียนหรือพิมพ์ปี 1962

Praying the Rosary, Bead by Bead

 

ผลหรือพระหรรษทานที่เราวอนขอในแต่ละหัวข้อพระธรรมล้ำลึก

 

นักบุญหลุยส์ มารีย์ กรีญอง เดอ มงฟอร์ต ได้เขียนในหนังสือ The Secret of the Rosary ของท่านว่า เมื่อสวดสายประคำ ทุกครั้งในการรำพึงพระธรรมล้ำลึก เราจำเป็นต้องวอนขอแม่พระในฤทธิ์กุศล คุณธรรมหรือพระหรรษทานที่เราไม่มีหรือจำเป็นต้องมี ตรงกับภาษาอังกฤษว่า “Spiritual Fruit of the Rosary Mysteries”  ต่อไปนี้คือคุณธรรมในแต่ละหัวข้อพระธรรมล้ำลึกที่ยึดถือกันตามคำสอนของการสวดสายประคำ (อาจจะมีแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยในบางหัวข้อ เราสามารถวอนขอให้พระประทานฤทธิ์กุศลที่เราต้องการหรือคิดว่าไม่มีก็ได้)

ผลการรำพึงสายประคำ 1

ผลการรำพึงสายประคำ 2

ผลการรำพึงสายประคำ 3

ผลการรำพึงสายประคำ 4

 

ข้าพเจ้าได้จับภาพมาจาก เว็บสายประคำนำชีวิต ตามลิงค์ข้างล่าง ขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วย

สายประคำนำชีวิต

 

บทสวดเพิ่มเติมในแต่ละทศ

 

สำหรับการสวดสายประคำต่อไปนี้ ได้รับการไขแสดงจากแม่พระ ในการประจักษ์ที่ฟาติมาแก่เด็ก 3 คนในปี คศ. 1917 ปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้สวดเพิ่มเติมหลังจบบทสวด “พระสิริรุ่งโรจน์” ในแต่ละ 10 เม็ดดังนี้

 

fatima decade prayer

ข้าแต่พระเยซูเจ้า
โปรดอภัยบาปข้าพเจ้าทั้งหลาย
โปรดช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้พ้นจากไฟนรก
โปรดนำวิญญาณทั้งมวลสู่สวรรค์
โดยเฉพาะวิญญาณที่ต้องการพระเมตตาของพระองค์มากที่สุดเถิด พระเจ้าข้า

(บทภาวนาบทนี้ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Fatima Decade Prayer ทุก Rosary Application ที่ข้าพเจ้าโหลดมาติดตั้งบนมือถือจะมีบทสวดนี้อยู่ ข้าพเจ้าได้เริ่มสวดบทภาวนานี้หลังจบบทสวด “พระสิริรุ่งโรจน์” ในการสวดสายประคำมาได้ประมาณ 2-3 เดือนแล้ว คล้ายกับบทเร้าวิงวอนขอพระเมตตาจากพระเยซูคริสตเจ้านั่นเอง และต้นฉบับทั้งสองจากลิงค์ข้างบนก็มีบทสวดนี้รวมอยู่ด้วย – ข้าพเจ้าได้หารูป Fatima Decade Prayer มาใส่ไว้ด้วย)

บทภาวนาหลังสวดสายประคำจบสาย

 

hail holy queen

บทวันทาพระราชินี (Salve Regina)
วันทาพระราชินี พระแม่ผู้ทรงเมตตากรุณา
ทรงเป็นชีวิต ความอ่อนโยน และความหวังของลูกทุกคน
ลูกผู้เป็นลูกหลานที่ถูกเนรเทศของเอวา  ขอวันทา ร้องหาพระแม่
ถอนใจคร่ำครวญร่ำไห้ในเหวน้ำตานี้
โปรดเถิดพระแม่ ผู้ทรงช่วยเหลือเกื้อกูลลูก
โปรดทอดพระเนตรเมตตามายังลูก
และเมื่อชีวิตเนรเทศนี้ผ่านพ้นไปแล้ว
โปรดแสดงให้ลูกเห็นพระเยซู พระบุตรผู้ทรงได้รับพระพร
ข้าแต่พระแม่ผู้เมตตากรุณา พระแม่ผู้โอบอ้อมอารี
มารีย์พรหมจารีผู้มีพระทัยอ่อนโยน

สรุปส่งท้าย

 

ข้าพเจ้าหวังว่าการโพสต์ชุดนี้ซึ่งมีทั้งหมด 6 โพสต์ (รวมโพสต์นี้ด้วย) จะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่เริ่มต้นสวดสายประคำหรือแม้กระทั่งท่านที่สวดสายประคำมาได้นานระดับหนึ่งอาจจะเป็น 1 -2 ปีหรือมากกว่านั้นก็ได้ (สวดสายประคำทุกวัน) คล้ายกับการฟื้นฟูพื้นฐานการสวดไปในตัว รวมไปถึงท่านที่มีปัญหาการรำพึงพระธรรมล้ำลึก จิตใจบางครั้งไม่สามารถรวบรวมสมาธิให้รำพึงได้ ลองหันมาใคร่ครวญใช้ดู

 

ข้าพเจ้าเองปัจจุบัน ดังที่กล่าวมาในบทเกริ่นนำ ก็มาเริ่มใช้วิธีการสวดรำพึงแบบนี้มาได้สักพักหนึ่งแล้วและจะลองสวดแบบนี้ไปอีกสักระยะหนึ่ง จนกว่าสมาธิและจิตใจของข้าพเจ้าเริ่มเป็นปรกติจนสามารถรำพึงเองได้โดยไม่ต้องพึ่งข้อความชักนำ

 

ข้าพเจ้าขอส่งท้ายคำแนะนำสำหรับการโพสต์ชุดนี้ดังนี้

 

 

  1. ข้าพเจ้าทำโพสต์ชุดนี้เพื่อใช้สวดให้กับตนเองและเพื่อแบ่งปันสำหรับผู้เริ่มต้นการสวดสายประคำที่ยังไม่สามารถรำพึงได้ด้วยตนเองรวมทั้งผู้ที่สนใจและสำหรับผู้ที่ไม่สามารถรำพึงได้อย่างที่เคยรำพึง (อาจจะเป็นบางครั้งก็ได้)
  2. ควรอ่านเปรียบเทียบทั้ง 2 แบบไปก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าท่านถนัดหรือชอบข้อความการรำพึงแบบใด ลองใช้แบบใดแบบหนึ่งไปก่อนหรือจะค่อย ๆลองอีกแบบหนึ่งแล้วมาเปรียบเทียบกันดูว่าวิธีไหนจะช่วยท่านรำพึงได้ดีมากกว่ากัน
    (สำหรับข้าพเจ้า อ่านข้อความการรำพึงในพระคัมภีร์ก่อนการสวด จากนั้นก็ใช้การรำพึงแบบที่ 2 Bead by Bead สำหรับการสวดและรำพึงสายประคำ) 
  3.  อย่างที่กล่าวไปทั้งสองวิธีการ “THE SCRIPTURE ROSARY” ใช้ข้อความในพระวรสารและพระคัมภีร์มาซอยย่อยเป็นครั้งละบทสวด ส่วน “PRAYING THE ROSARY Bead by Bead” นั้นใช้ความคิดและจินตนการของผู้เขียนที่อ้างอิงมาจากพระวรสารมาเขียนผูกโยงเป็นข้อความรำพึงครั้งละสั้น ๆเพื่อง่ายต่อการรำพึง
  4.  สำหรับบางท่านอาจจะพบวิธีการทั้งสองแบบนี้ ไม่สามารถใช้กับตัวท่านเองได้เลย เพราะเป็นการรบกวนหรือขาดสมาธิ สวดบทหนึ่งจบแล้ว ต้องมาอ่านอีกแล้วก็สวดต่อเป็นการไม่ต่อเนื่อง ถ้าท่านใช้แล้วไม่ได้ผล ก็ขอให้ท่านใช้วิธีการรำพึงที่ท่านถนัด
    (ข้าพเจ้าก็เคยมีประสบการณ์นี้เช่นกัน กล่าวคือเมื่อก่อนข้าพเจ้าสวดสายประคำโดยไม่ต้องใช้ข้อเขียนหรือหนังสืออะไรมาประกอบการสวด เพียงใช้จินตนการ การวาดมโนภาพว่าข้าพเจ้าสวดอยู่ในแต่ละฉาก แต่ละหัวข้อพระธรรมล้ำลึกหรือแม้กระทั่งตัวข้าพเจ้าเองเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นเอง เพราะข้าพเจ้าจำได้ทั้ง 20 หัวข้อพระธรรมล้ำลึก ทั้งผลการวอนขอของแต่ละพระธรรมล้ำลึก เพียงหลับตาและค่อย ๆสวดไปทีละเม็ด ๆ จนจบครบ 10 เม็ด จากนั้นก็เริ่มหัวข้อต่อไปของพระธรรมล้ำลึก จนจบสาย แต่น่าเสียดายปัจจุบันข้าพเจ้าสวดรำพึงแบบเมื่อก่อนนี้ ไม่ค่อยจะได้ จึงต้องเริ่มต้นสวดแบบพื้นฐานใหม่) 
  5. ต่อเนื่องจากหัวข้อที่แล้ว สำหรับท่านที่พบว่า การอ่านข้อรำพึงแต่ละบทสวดนั้น ทำให้การสวดสายประคำไม่ต่อเนื่อง ท่านอาจจะอ่านข้อความรำพึงรวดเดียวจนจบในแต่ละหัวข้อพระธรรมล้ำลึก จับใจความส่วนใหญ่ไว้หรือจำเฉพาะข้อความที่ท่านชอบหรือประทับใจไว้ จากนั้นก็ใช้ใจความหรือข้อความนั้นรำพึงไปตลอดจนจบในแต่ละทศ (10 เม็ด) ก็ได้
  6.  สุดท้ายไม่่ว่าท่านจะสวดสายประคำและรำพึงแบบไหนก็ตาม จงสวดด้วยความเชื่อ ความรักและศรัทธาต่อพระเยซูเจ้าและแม่พระ ต้องมีความบากบั่น พากเพียรอดทนดังที่ท่านนักบุญหลุยส์มารีฯ ท่านสอนไว้
    (ข้าพเจ้าได้เรียบเรียงไว้แล้วภายใต้ชื่อหมวด “ความลับของสายประคำ” ซี่งมีอยู่ 17 โพสต์ด้วยกัน)

 

st louis...

ขอพระเยซูคริสตเจ้าพระเจ้าของชาวเราคริสตชนทั้งหลายและแม่พระ จงดลบันดาลและประทานพระหรรษทานอันอุดมให้ท่านผู้อ่านทุกท่านมีความรักและพากเพียรต่อการสวดสายประคำจนวาระสุดท้ายของชีวิต เพื่อความรอดของตัวท่านเองและเพื่อผู้อื่นที่ท่านสวดขอและอุทิศให้แก่พวกเขา อาแมน

 

โปรดกรุณาระลึกถึงและขอคำภาวนาเพื่อข้าพเจ้าบ้าง เพื่อข้าพเจ้าจะสามารถมีความรักและพากเพียรต่อสวดสายประคำเพื่อใช้โทษบาป จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิตด้วยเช่นกัน ขอบคุณ

The post สวดสายประคำพร้อมรำพึงตามพระคัมภีร์ในแต่ละบทวันทามารีย์-บทส่งท้าย appeared first on มาสวดสายประคำกันเถอะ.

เหตุใดผมถึงนึกรักพระแม่มารีย์

$
0
0

เคยมีอาจารย์หลายท่านสอนผมว่า เครื่องหมายที่ชัดเจนที่สุดที่บอกเราว่า พระเจ้าสถิตอยู่กับเราคือความสงบสันติ และความสุข (peace and joy) เกี่ยวกับเรื่องนี้พระแม่มารีย์เป็นตัวอย่างที่ดี และชัดเจนยิ่งสำหรับผม ใน ลก 1:28 ทูตสวรรค์คาเบรียลได้กล่าวทักทายพระนางมารีย์ด้วยถ้อยคำที่ว่า “จงยินดีเถิด ท่านผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน พระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน” และใน มธ 1:23 ได้อ้างถึงถ้อยคำใน อสย 7:17 ว่า “หญิงพรหมจารีจะตั้งครรภ์ และจะคลอดบุตรชาย ซึ่งจะได้รับนามว่า อิมมานูแอล (แปลว่าพระเจ้าสถิตกับเรา)”

 

immanuel 1

อิมมานูแอล เป็นคำสำคัญคำหนึ่งในพระคัมภีร์ และในวิถีชีวิตคริสตชน เป็นคำที่เราพึงให้เป็นคำภาวนา สั้น ๆ พูดชํ้าไปซํ้ามาตามจังหวะการหายใจเข้า-ออก เป็น คำที่ใช้ประกอบในการทำสมาธิในบรรยากาศคริสตชน อิมมานูแอล ควรเป็นคำ ๆ หนึ่งที่เราใช้สำหรับการ ครองสติของเรา เป็นต้นในภาวะแห่งความท้อแท้ผิดหวัง ความสูญเสีย เศร้าโศก สงสัย สับสน เราควรใช้ถ้อยคำนี้ ช่วยชำระล้างความรู้สืกเหล่านี้ และเติมเต็มความรู้สีกแห่งความเชื่อ ความวางใจ ความศรัทธามั่นคงในจิตใจ ในจิตวิญญาณของเรา

 

พระแม่มารีย์เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนสำหรับผม ในเรื่องนี้ คือแม้พระนางจะมีภาวะแห่งความสงสัย ตกใจ หวาดกลัว ประหลาดใจ ไม่เข้าใจ (เหมือนดังที่กล่าวมา ในบทที่แล้ว) แต่พระพรแห่งอิมมานูแอลโอบอุ้ม ความรู้สึกและจิตวิญญาณของพระแม่อย่างเต็มเปี่ยม เข้มข้น และทรงพลัง

 

 

พระพรแห่งอิมมานูแอลที่พิเศษสุดที่พระแม่มีเหนือมนุษย์คนอื่นคือ พระแม่ได้มีบุญโอบอุ้มองค์พระวจนาตถ์ไว้ในครรภ์ของพระนางถึงเก้าเดือน และได้อยู่เคียงข้างกับองค์พระวจนาตถ์อย่างใกล้ชิดจนตลอดชีวิต พระพรแห่งอิมมานูแอลที่เข้มข้นชัดเจนในชีวิตของพระนางมารืย์ เปล่งรัศมีออกมาในความสงบ การเก็บเรื่องต่าง ๆ รำพึงเงียบ ๆ อยู่ในใจ ความกล้าหาญที่จะออกจากตัวเอง และมอบชีวิตทั้งหมดต่อนํ้าพระทัยฃองพระเป็นเจ้า การมีความสุข ความชื่นชมยินดีในการประทับอยู่ของพระเป็นเจ้า

 

immanuel 3

แม่พระต้องเป็นบุคคลผู้ทรงเปี่ยมด้วยความสุข แน่ ๆ ทูตสวรรค์เองก็บอกกับพระแม่ว่า “จงยินดีเถิด พระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน” อาการรีบออกไปถึงเมืองในแถบภูเขายูเดีย เพื่อเยี่ยมนางเอลีชาเบธก็เป็นอีกเครื่องหมายหนึ่งที่บ่งว่า พระนางมารีย์มืความสุข ความชื่นชมยินดี มีความกระตือรือร้นต่อการรับหน้าที่เป็นมารดาพระผู้ไถ่ยิ่งในบทเพลงสรรเสริญ เราจะพบข้อความที่ สนับสนุนความคิดเบื้องต้นอย่างชัดเจน จิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระเจ้าพระผู้กอบกู้ข้าพเจ้า

ผมเห็นด้วยที่บรรดาอาจารย์สอนผมว่า “ความสงบสันติและความชื่นชมยินดี เป็นเครื่องหมายสำคัญบ่งชี้ถึงการประทับอยู่ของพระเป็นเจ้า” ประสบการณ์ชีวิตส่วนตัวที่ผ่านมา ทำให้ผมเรียนรู้ว่าต่อหน้าพระเป็นเจ้า สุขหรือทุกข์ไม่ใช่ประเด็น แต่สิงที่ควรถือเป็นประเด็น คือ

ต่อหน้าสถานการณ์นั้น ๆ ของชีวิต เราสามารถมอง เห็นความรักของพระที่ยังคงมีต่อเราได้ชัดเจนหรือไม่ ต่อหน้าสถานการณ์นั้น ๆ ของชีวิต เรายังมีพระเป็นเจ้าอยู่ในใจเราหรือไม่

ต่อหน้าสถานการณ์นั้น ๆ ของชีวิต เรายังบอกกับ ตัวเองได้ไหมว่า “พระรักเรา”

ต่อหน้าสถานการณ์นั้น ๆ ของชีวิต เรามีความสงบ สันติหรือไม่

ต่อหน้าสถานการณ์นั้น ๆ ของชีวิต เรายังมีความชื่นชมยินดีของพระเจ้าอยู่หรือไม่

ต่อหน้าสถานการณ์นั้น ๆ ของชีวิต เรายังสามารถ ขอบคุณพระเจ้าได้หรือไม่

 

immanuel 5

ความคิดเบื้องต้น ช่วยท่าให้ผมเข้าใจความหมาย ของพระวาจาของพระเจ้าประโยคที่ว่า “จงขอบคุณพระเจ้า ในทุกกรณี” (1 ธส 5:18) ซึ่งผมยึดถือเป็นคำขวัญวันบวชได้กระจ่างขึ้น จงขอบคุณพระเป็นเจ้า ในยามที่เรายินดีสมหวัง จงขอบคุณพระเป็นเจ้า ในยามที่เราผิดหวัง จงขอบคุณพระเป็นเจ้าในยามที่เรามีปัญหา อุปสรรค วิกฤต

จงขอบคุณพระเป็นเจ้า ในยามที่เรามีความทุกข์ เพราะโดยความจริงแล้ว ความรักของพระล้วน มีอยู่เสมอในทุกสภาวการณ์ของชีวิต เพราะความรักของพระเป็นเจ้ามั่นคงเสมอ เพราะความรักของพระเป็นเจ้าเป็นพันธสัญญา เพราะพระเป็นเจ้าทรงชื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาเสมอ เหลืออยู่แต่เพียงว่าเราจะมองเห็นหรือไม่เห็นเท่านั้นเองซึ่งถ้าเราสามารถมองเห็น ค้นพบ หาเจอ เราก็จะมีความสงบสันติ และความชื่นชมยินดี

ดังนั้นจุดต่างของผู้มีความเชื่อกับผู้ไม่มีความเชื่อ ไม่ได้อยู่ที่การมีหรือไม่มีปัญหา

จุดต่างของคริสตชนกับคนต่างศาสนาไม่ได้อยู่ที่ มีหรือไม่มีปัญหา

 

เพราะทุกคน ทุกวิถี ทุกชีวิต ทุกศาสนิกล้วนมี ปัญหา และความทุกข์ของตน แต่สิงที่เป็นจุดต่างที่ชัดเจน คือ เราสามารถมีความสงบสันติ มีความชื่นซมยินดี มีอิมมานูแอลหรือไม่ในท่ามกลางปัญหาและความทุกข์ ต่าง ๆ ความคิดในเรื่องราวต่าง ๆ ของชีวิตผมยิ่งชัดเจน มากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อผมพิจารณา ไตร่ตรอง ดูชีวิตของพระแม่มารืย์อย่างใกล้ชิด

immanuel f

ดูความสงบสันติในใจของพระแม่ที่เกิดขึ้นจากความชัดเจนในพระพรแห่งอิมมานูแอล ดูความชื่นชมยินดี กระตือรือร้นในการเป็นข้ารับใช้พระเป็นเจ้าของพระแม่มารืย์ ที่เกิดขึ้นจากความเข้มข้น ในพระพรแห่งอิมมานูแอลและเมื่อเป็นเช่นนี้จะไม่ให้ผมนึกรักพระแม่มารีย์ได้อย่างไร

——————–

คัดลอกมาจากหนังสือแม่พระยุคใหม่


ฉบับที่ 137  กันยายน-ตุลาคม 2004 (2547)

คุณพ่อ ประสิทธิ์ ตันเจริญ

เขียนโดยคุณพ่อโทมัสประสิทธิ์ ตันเจริญ
ปัจจุบันคุณพ่อดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเมตตา เชียงแสน

วัดแม่พระฟาติมา เชียงแสน
8/9 ม.2 ต.เวียง

อ.เชียงแสน

จ.เชียงราย

ประเทศไทย 57150

 

 

ขอขอบพระคุณนิตยสารแม่พระยุคใหม่และคุณพ่อมา ณ ที่นี้ด้วย

The post เหตุใดผมถึงนึกรักพระแม่มารีย์ appeared first on มาสวดสายประคำกันเถอะ.

ความประทับใจจากสายประคำ (ของดิฉัน)

$
0
0

 

rosary-impression.jpg

เรึ๋องนี้เกิดขึ้นจริงในขีวิตฃองผู้เขียน ซึ่งรักการสวดสายประคำมาก และเชื่อมั่นอย่างจริงใจว่า พระมารดารักเรา พร้อมที่จะช่วยเราทุกเวลา ยามมีภยันตรายเกิดขึ้น พระมารดาจะทรงช่วยเรา และแม้แต่ผู้ที่เราต้องการให้พระมารดาช่วย พระมารดาก็ไม่ปฏิเสธคำขอของเราโดยทางสายประคำ

 

สมัยก่อนเคยใช้รถเวสป้า 90 เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ไม่เป็นอันตรายสำหรับผู้หญิง ดิฉันอยู่ที่บ้านพักในค่ายทหารซึ่งห่างจากตัวเมืองออกไปประมาณ 4-5 กม  จึงต้องขับรถเวสป้ามาสอนหนังสือทุกเช้า และขับกลับเช้าบ้านพักตอนเย็น แต่ช่วงเวลา 2-3 วันมานี้ ดิฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาทำให้ไม่สบายใจ เวลาลงจากบ้านมาไขกุญแจรถขับออกไปสอนเด็ก

 

วันหนึ่งดิฉันรู้สึกโดยการดลใจของพระหรีอท่านอารักขเทวดาว่า ‘‘ต้องระวังอุบัติเหตุในการขับรถ! ” จึงค่อยๆ ขับด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ แทนที่จะออกถนนที่คับคั่ง จอแจ ก็เลี่ยงๆ อ้อมๆ ลัดเลาะไปทางโน้น ทางนี้

 

ดิฉันขับรถเวสป้าคันนี้มานานพอสมควรด้วยความชำนาญและไม่เคยเจออุบัติเหตุใดๆ เลย ทุกวันดิฉันจะนำสายประคำซึ่งเป็นเสมือนเครื่องรางของขลัง ใส่ไว้ในกระเป๋าลูกหนู (รูปตัวหนูเล็ก ๆ) ซึ่งเป็นพวงกุญแจรถ-กระเป๋าลูกหนูมีซิปเปิดปิดแบบกระเป๋าใส่เศษสตางค์

 

วันนั้นตอนเย็น ประมาณ 16 นาฬิกาเศษ หลังจากนักเรียนสอบกลางภาคเสร็จ ครูบาอาจารย์ก็เริ่มจะลงมือตรวจข้อสอบ ดิฉันรู้สึกว่า วันนี้ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ เพราะเมื่อไขกุญแจรถจะออกจากโรงเรียน จิตใจมัน ร้อนรุ่ม กระวนกระวายชอบกล ก็ใช้ความระมัดระวังเพิ่มขึ้น ในการขับรถไปซื้อกับข้าวที่ตลาดสดก่อนกลับบ้าน จำได้ว่า มืไข่ไก่ด้วย และกับข้าวอื่นๆ ที่จะกลับไปปรุงอาหารเย็น ทุกอย่างวางไว้ในตะแกรงหน้ารถเวสป้า

 

เมื่อขับรถเข้าไปในบริเวณถนนข้างกองบังคับการ ซึ่งเป็นถนนสายหลักของค่ายสายหนึ่ง ก็ขับรถเรื่อยๆ ตามปรกติและในระยะทาง 200 เมดรนึ่เอง ดิฉันก็ประสบ
อุบัติเหตุเข้าจนได้ รถพุ่งทะยานขึ้นกองหินบนไหล่ทาง และเสียหลักตกลงมาตรงกลางกองหินอีกกองหนึ่งเป็นหินก้อนโตๆ ที่ยังไม่ย่อย ขณะนั้นในสนามหน้ากองร้อย บ.ก. มีทหารกำลังรับการฝึกแถวและฝึกท่าอาวุธอยู่เป็นหมู่ๆ

 

เมื่อดิฉันขับรถชนกองหินเกิดเสียงดังมาก พวกเขาก็วิ่งกันมาพร้อมที่จะช่วยเหลือ ได้ยินเสียงสั่งว่า “เรียกรถ ส.ร.ๆๆ” รถ ส.ร. คือ รถเสนารักษ์ (รถพยาบาลประจำค่ายทหาร) ขณะนั้น ดิฉันได้ยินเสียงทุกอย่างแว่ว ๆ เหมือนอยู่ไกล ๆ เสียงคนมามุงดู มาพูด มาเรียก และเสียงบอกว่า “อย่าเพิ่งยกคนเจ็บ” “หมอมาแล้ว”

 

rosary-impression-1.jpg

ส่วนดิฉันไม่รู้สึกเจ็บปวดที่ใดในร่างกายเลย และที่สุดก็รู้สึกตัวค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นได้เอง คนรอบๆ ข้างเงียบกริบ ไม่มีใครพูดอะไร แล้วก็มืคนช่วยนำรถเวสป้าของดิฉันไปส่งให้ที่บ้านพัก ตัวดิฉันเอง ก็นั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของใครก็ไม่ทราบกลับบ้าน

 

สามีทราบข่าวก่อนแล้ว ลงมาประคองขึ้นไปบนบ้านพัก พอทหารที่มาส่งด้วยความใจดีและเป็นห่วงในอาการพากันกลับไปแล้ว สามีก็นำพวงกุญแจลูกหนูขึ้นมาส่งให้พร้อมกระเป๋าใส่กับข้าว ซึ่งค่อนข้างเละและยับเยิน ไข่ไก่แตกเลอะเทอะ และที่กระจายข้างถนนหน้ากองร้อยบริการอีกหลายอย่าง

 

คนที่เห็นเหตุการณ์แจ้งกับสามีว่า ดิฉันตกลงมาน่ากลัว คอหัก ประเภทตกลงมาจากที่สูงทั้งรถทั้งคนไม่เป็นท่า เห็นแล้ว น่าหวาดเสียว แต่ดิฉันไม่เปีนอะไรเลย!! พวกเขางงกันทุกคน ส่วนดิฉันเองไม่รู้สึกอะไร ทั้งไม่ตกใจ ไม่ขายหน้า ไม่ปวดตรงไหน ทั้งๆ ที่คนที่เห็นเขาเล่ากันว่า ศีรษะฟาดพื้น เดชะบุญที่ไม่ฟาดลงบนกองหิน ส่วนรถก็แค่บังโคลนหน้าบุบ-ตะแกรงบิดเบี้ยวใช้การไม่ได้อึก

 

daily life2 resize

แต่เมื่อดิฉันรับพวงกุญแจมาจากสามีและเปิดซิปตัวหนู เอาสายประคำออกมาเหมือนเช่นเคย กลับพบสายประคำขาดหลายท่อน ดิฉันร้องไห้โฮพูดได้แต่ว่า “แม่พระช่วยลูก! แม่พระช่วยลูก” และร้องไห้โฮๆ จนสามีตกใจ เขาเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งหมด เรื่องสายประคำที่ขาดเป็นท่อนๆ ทั้งๆ ที่ดิฉันเพิ่งใส่เข้าไปในกระเป๋าลูกหนูเมื่อเช้ายังดิๆ อยู่ และพวงกุญแจก็อยู่ในสภาพปรกติ ลูกหนูที่เป็นกระเป๋าก็อยู่ในสภาพปรกติเช่นกัน แต่ดิฉันได้รับความรักของพระมารดาได้จากความรู้สึกของดิฉันเอง

 

อึก 2-3 วันหลังจากนั้น มีคนมาถามว่า ดิฉันมีพระดีอะไร ขอดูหน่อย ดูตามลักษณะแล้วน่าจะคอหัก ดิฉันก็นำสายประคำขาดๆ มาให้ดู และบอกว่า “นี่ไงคะพระฃองดิฉัน!” เขารับไปใส่มือเขย่า ๆ ดูด้วยหน้าตาที่บอกว่า งงมาก คนที่มาขอดูคนนี้เป็นภรรยาของทหาร อีกไม่กี่วันก็มีทหารที่เห็นเหตุการณ์วันนั้นมาเยี่ยม คุยไปคุยมาก็ขอดูพระอึก ดิฉันก็ต้องนำสายประคำขาดๆ นั้นมาให้ดูอึก เขาบอกว่า มีคนขอให้มาถามหลายคน

 

fatima50 b

เรื่องจริงนี้เปีนเพียงหนึ่งในหลายๆ เรื่อง ที่ดิฉันได้รับจากความรักความเมตตา ที่พระมารดาโปรดประทานให้ จึงใคร่ขอผู้อ่านนิตยสารแม่พระยุคใหม่ โปรดสละเวลาร้อยมาลัยสายประคำถวายแม่พระทุกวันเถิด ความรักของพระมารดา มายังลูกของพระแม่โดยทางสายประคำนั้น แน่นอน

fatima50 f

 

 

 

———————-
คัดลอกจากนิตยสารแม่พระยุตใหม่

ฉบับที่่ 125 ปีที่ 22 กันยายน-ตุลาคม 2002/2545

ขอบพระคุณผู้เขียนลงนิตยสารซึ่งไม่ได้ลงนามไว้ในนิตยสาร

The post ความประทับใจจากสายประคำ (ของดิฉัน) appeared first on มาสวดสายประคำกันเถอะ.

อย่าไปสวรรค์คนเดียว –บทสวดและสารแม่พระฟาติมา

$
0
0

 

พฤษภาคม เป็นเดือนของแม่พระ  แม่พระทรงประจักษ์ที่ฟาติมาครั้งแรกในวันที่ 13 พ.ค. 1917 ดังนั้นทุกวันที่ 13 พค. ของทุกปีจึงเป็นวันฉลองแม่พระฟาติมาด้วยและสืบเนื่องมาจากที่ข้าพเจ้าเคยโพสต์ บทสวดของแม่พระฟาติมา ในโพสต์ สวดสายประคำพร้อมรำพึงตามพระคัมภีร์ในแต่ละบทวันทามารีย์-บทส่งท้าย

 

จึงขออนุญาตนำบทความในนิตยสารแม่พระยุคใหม่ที่เกี่ยวกับบทภาวนานี้มาลงไว้ ณ ที่นี้ และอีกบทความซึ่งสรุปสารของแม่พระเป็นข้อเรียกร้อง 3 ประการของแม่พระแห่งฟาติมา


fatima16

แม่พระทรงประจักษ์แก่เด็กเลี้ยงแกะสามคนที่ฟาติมา ทุกวันที่สิบสาม ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม จนถึง เดือนตุลาคม ทรงขอร้องให้พวกเขาสวดลูกประคำทุก ๆ วัน

 

13 พฤษภาคม “จงสวดลูกประคำทุก ๆ วัน วอน ขอสันติภาพสำหรับโลก”
13 มิถุนายน “แม่ต้องการให้ลูกสวดลูกประคำ ทุก ๆ วัน”
13 กรกฎาคม “แม่ต้องการให้ลูกสวดลูกประคำ ต่อไปทุก ๆ วัน ถวายเกียรติแด’แม่”
13 สิงหาคม “แม่ต้องการให้ลูกสวดลูกประคำ ต่อไปทุก ๆ วัน ถวายเกียรติแด’แม่
13 กันยายน “จงสวดลูกประคำต่อไปทุก ๆ วัน”
13 ตุลาคม “แม่ดือแม่พระลูกประคำ จงสวด ลูกประคำต่อไปทุก ๆ วัน”

 

หลายปีมาแล้ว แม่พระตรัสแก่ผู้คนหลายพันคนที่ยูเครนว่า “จงสอนเด็กสวด จงสอนเด็กดำรง ชีวิตในความจริงและลูกก็ต้องดำรงชีวิตในความจริงด้วย จงให้อภัยชาติต่าง ๆ ที่ทำร้ายลูก”

“จงสวดลูกประคำอย่างสม่ำเสมอลูกประคำเป็นอาวุธต่อสู้กับซาตานมารร้าย มันกลัวลูกประคำ จงสวดลูกประคำทุก ๆ วัน ในวัด ในครอบครัวหรือในที่ชุมนุมซน ลูกรัก จงสวดบทภาวนา ต่างๆที่แม่ได้ให้ลูก เพื่อการปรับปรุงแก้ไขในวิญญาณของลูก และเพื่อการปกปักรักษาวิญญาณของลูกให้สะอาดบริสุทธิ์อยู่เสมอจงอย่าละทิ้งการสวด จงสอนเด็กสวด  เพราะการสวดนี้จะช่วยเขาทั้งหลายให้รอด จงเป็นทุกข์ถึงบาป และจงรักกันและกัน กาลเวลาใกล้เข้ามา ซึ่งเป็นช่วงเวลาสุดท้ายตามคำทำนาย แม่มาหาลูกด้วยนํ้าตา เตือนลูกให้หมั่นสวดและทำความดีงาม เพื่อพระเกียรติและพระสิริโรจนาของพระเจ้า”

 

 

ปีศาจกลัวพระมารดาของพระเจ้า ผู้เป็นการปฏิสนธินิรมลผู้ทรงฤทธานุภาพที่สุด รองจากพระเจ้า “จงสวดลูกประคำอย่างสม่ำเสมอ ลูกประคำเป็นอาวุธต่อสู้กับซาตานมารร้าย” เพราะบทวันทามารีอาประกาศการบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระเยซูเจ้า และการปฏิสนธินิรมลหรือความบริสุทธิ์ผุดผ่องของพระนางมารีย์ คลังแห่งหรรษทาน พระมารดาของพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระเจ้า และประกาศชัยชนะของพระเยซูเจ้าด้วย พระมหาทรมาน การสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และ การกลับจากการเป็นทาสของบาป ปีศาจไม่มีฤทธิ์อำนาจเหนือมนุษย์อีกต่อไป เราไม่เป็นลูกของความมืด แต่ เป็นลุกของความสว่าง ลุกของพระเจ้า พระบิดาของ เรา “ความสว่างส่องเข้าไปในความมืด และความมืดเอาชนะความสว่างไม่ได้”

 

fatima prayer

เวลาสวดลูกประคำ จงสวดบทภาวนานี้ของแม่พระในตอนท้ายของทุกทศ (ทุก 10 เม็ด) ซึ่งเป็นสิ่งแม่พระทรงขอร้องให้เด็กสามคนที่ฟาติมาสวดและให้คริสตซนทั่วโลกสวดด้วย

 

fatima1a rose2a

“ข้าแต่พระเยซูเจ้า โปรดอภัยบาปของเรา โปรดช่วยเราให้พ้นจากไฟนรก โปรดนำวิญญาณทั้งหลายสู่สวรรค์ โดยเฉพาะวิญญาณที่ต้องการพระเมตตาของพระองค์มากที่สุด”

fatima1a rose2b


“อย่าไปสวรรค์คนเดียว จงพาคนอื่นไปกับเราด้วย”

คัดลอกจากนิตยสารแม่พระยุคใหม่

ฉบับที่ 171 ประจำเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2010/2553

โดยคุณ สายใย

——————–

 

lady of fatima

ชาวคาทอลิกศรัทธาต่อพระนางมารีย์ ผู้เป็นมารดาของพระเยซูเจ้า “แม่พระแห่งฟาติมา” คาทอลิกส่วน มากทราบว่า พระนางมารีย์ได้ประจักษ์มาแก่เด็กเลี้ยงแกะสามคน คือ ลูซีอา ซันโทส, ฟรังซิสโก มาร์โตและ น้องสาวชื่อ ยาชินทา มาร์โต ที่ตำบลฟาติมา ประเทศโปรตุเกส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม 1917

ข้อเรียกร้อง 3 ประการ

พระศาสนจักรโรมันคาทอลิกรับรองการประจักษ์ ของพระนางมารีย์ที่ฟาติมา และพยายามสอนให้คริสตชน สนองตอบเสียงเตือนของพระเจ้าโดยผ่านพระนางมารีย์ว่า

 

fatima b

  1. ให้ศรัทธาต่อพระเยซูเจ้า ซึ่งเป็นพระโอรสของพระนางและเราทุกคนก็เป็นลูกของพระนาง ดังที่พระองค์มอบเราแก่พระนาง โดยผ่านทางนักบุญยวงที่เชิงกางเขน (ยน.19:25-27) 
  2. พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนม์และยังมีชีวิตอยู่ในพระศาสนจักร ทรงเสนอวิงวอนเพื่อเรา โดยอาศัยพระจิตเจ้า เหตุการณ์ที่ฟาติมาเป็นเครื่องหมายยืนยันสิ่งนี้ 
  3. สิ่งที่แม่พระทรงขอร้องคริสตชนเมื่อประจักษ์มาที่ฟาติมาคือ พลีกรรมใช้โทษบาป ภาวนาและถวายตนแด่ดวงหทัยนิรมลของพระนาง ซึ่งเรียกร้องเราทุกคน 3 ประการคือ

จงวางใจในพระเจ้า ‘แม้สภาพสังคมปัจจุบัน จะดึงเราให้ออกห่างจากพระองค์ จงวางใจในพระเจ้า ดีกว่าเชื่อในมนุษย์

จงส่งเสริมความสำนึกว่าเราทุกคนเป็นพี่น้องกัน ต้องช่วยเหลือกันแสะกันมากกว่าที่จะดำเนิน ชีวิตแบบ “ตัวใครตัวมัน” จงเป็นคนใจกว้างเพื่อผู้อื่น

จงสร้างความเป็นหนึ่งเดียวในชีวิตคริสตชน

 

ด้วยการถวายตนเองแด่ดวงหทัยนิรมลของพระนางมารีย์ เมื่อเราได้รับคืลล้างบาป เราก็มีสิทธิเป็นสมาชิก ในครอบครัวใหญ่ เป็นลูกของพระ มีหน้าที่ส่งเสริม ความศักดิ์สิทธิ (หน้าที่สงฆ์) หน้าที่รับใช้ผู้อื่น (หน้าที่ ปกครอง) และหน้าที่ประกาศข่าวดี และความรักของพระเยซูเจ้า (หน้าที่ประกาศก) โดยอาศัยการถวายตัว แด่แม่พระ เราก็สามารถไปพบกับพระเยซูเจ้าได้เสมอ

fatima f

คัดลอกจากนิตยสารแม่พระยุคใหม่

ฉบับที่ 129  ประจำเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2003/2546

The post อย่าไปสวรรค์คนเดียว – บทสวดและสารแม่พระฟาติมา appeared first on มาสวดสายประคำกันเถอะ.

รำพึงพร้อมสวดสายประคำด้วยหนังสือต้นแบบสายประคำ “Rosary Crusade”

$
0
0

 

the annunciation

“Rosary Crusade (สายประคำแห่งสงครามครูเสด)” เป็นหนังสือการสวดสายประคำเล่มเล็ก ๆ มีแค่ 36 หน้า ประพันธ์โดยคุณพ่อคณะโดมินิกัน หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า คณะดอมินิกัน (Dominican Order/Dominicans) เป็นคณะนักบวชคาทอลิกที่ก่อตั้งโดยนักบุญดอมินิกเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 13 ที่ประเทศฝรั่งเศส ใช้วินัยของนักบุญออกัสตินเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตนักบวช และสมเด็จพระสันตะปาปาโฮโนริอุสที่ 3 ทรงให้การรับรองในปี ค.ศ. 1216

 

หนังสือถูกตีพิมพ์เมื่อปี ค.ศ. 1943 โดยสำนักพิมพ์ “Holy Name Society” ในนิวยอร์ค ซึ่งในขณะนั้นได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 (เป็นความขัดแย้งทางทหารระดับโลกตั้งแต่ ค.ศ. 1939 ถึง 1945) เพื่ออุทิศถวายแด่พระแม่มารีย์พระราชินีแห่งสายประคำศักดิ์สิทธิ์และเพื่อคริสตชนของสหรัฐอเมริกา จุดประสงค์หลักเพื่อเชิญชวนพวกเขาทั้งหลายพร้อมใจกันสวดสายประคำทุกวันเพื่อให้สงครามยุติลงและเกิดสันติภาพขึ้นทั่วโลก หนังสือจึงถูกตั้งชื่อคล้ายกับให้สายประคำศักดิ์สิทธิ์ของพระแม่เป็นอาวุธต่อต้านสงครามการทำลายล้างด้วยการยืมชื่อสงครามศาสนาที่ลือลั่นในอดีตคือสงครามครูเสดนั่นเอง

 

อเมริกาก็เป็นอีกประเทศหนึ่งเช่นกันที่พลเมืองได้มอบถวายประเทศแด่แม่พระให้ปกป้องรักษา โดยบิช็อบแห่งบัลติมอร์ได้ทูลมอบถวายแด่พระแม่ผู้ปฏิสนธินิรมลเมื่อปี 1847 ซึ่งในอีก 2 ปีต่อมาจากปีที่ตีพิมพ์ ปี 1945 สงครามก็ได้จบสิ้นลง

 

เนื่องจากผู้แต่งหนังสือคือคุณพ่อคณะโดมินิกัน ผู้ซึ่ง นักบุญดอมินิกแห่งออสมา (อังกฤษ: Saint Dominic of Osma; ค.ศ. 1170 – 6 สิงหาคม ค.ศ. 1221) นักบุญดอมินิกแห่งออสมา หรือนักบุญดอมินิกแห่งกุซมัน เป็นบาทหลวงโรมันคาทอลิกชาวสเปน ผู้ก่อตั้งคณะดอมินิกัน เชื่อว่าเป็นบุคคลแรกที่นำสายประคำมาใช้ในการสวดภาวนาของชาวคาทอลิก และเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์นักดาราศาสตร์

 

ดังนั้นจึงน่าจะถือได้ว่าหนังสือน้อย ๆ เล่มนี้คือ 1 ในบรรดาหนังสือต้นแบบของการสวดสายประคำที่สืบเชื้อสายจากนักบุญดอมินิกโดยตรง ที่สำคัญ วิธีการรำพึงในหนังสือนี้ถูกเขียนขึ้นอย่างเรียบง่าย กระชับ ชัดเจนและสั้น ๆเพื่อง่ายต่อการรำพึงและทุกคนสามารถเข้าใจได้

 

ในแต่ละหัวข้อพระธรรมล้ำลึก ประกอบไปด้วย

 

  1. รูปภาพ 1 รูปสรุปพระธรรมล้ำลึก
  2. ข้อความสั้น ๆบรรยายพระธรรมล้ำลึก
  3. ปณิธานหรือข้อตั้งใจของผู้สวดสายประคำ

(ข้อตั้งใจก็คือผลและคุณธรรมหรือฤทธิ์กุศลแห่งพระหรรษทานที่เราควรวอนขอในแต่ละพระธรรมล้ำลึกนั่นเอง บางปณิธานในหนังสืออาจจะดูแปลก ๆไปบ้าง เราก็อาจจะดัดแปลงให้เหมาะสมกับตัวเราหรือให้เข้ากับคุณธรรมที่เรายึดถือตามคำสอนของการสวดสายประคำก็ได้ หรือถ้าเราชอบข้อตั้งใจหัวข้อไหน ขอจงจดจำไว้ในจิตใจของเราเถิด)

เรารำพึงแต่ละทศ (10 เม็ดสายประคำ) ด้วยการมโนภาพเพ่งพิศให้รูปนั้นอยู่ภายในจิตใจของเราในขณะที่สวด

บทข้าแต่พระบิดา

วันทามารีย์ 10 บทและพระสิริรุ่งโรจน์

 

ด้วยวิธีนี้เราสามารถผนวกการสวดสายประคำและการรำพึงไปพร้อม ๆ กันอย่างง่ายดาย

 

ข้าพเจ้าขอถอดความข้อแนะนำ ๆในการรำพึงพระธรรมล้ำลึกสายประคำของหนังสือว่าดังนี้

 

 

———–
heart-of-mary

แรกสุดเราจำเป็นต้องเข้าใจหัวข้อพระธรรมล้ำลึกและมีมโนคติที่แจ่มชัด (มีภาพ ฉากหรือเหตุการณ์ของแต่ละหัวข้อชัดเจนทั้งภายในจิตใจและสมองของเรา – ซึ่งข้าพเจ้าได้เคยโพสต์ไปแล้วว่า เราต้องจำและสรุปทุกหัวข้อพระธรรมล้ำลึกให้ขึ้นใจให้ได้ทั้งหมด)

 

จงศีกษารูปภาพจากหนังสือนี้ จนกระทั่งเราสามารถวาด จินตนการหรือจดจำออกมาเป็นภาพภายในจิตวิญญาณของเราได้
ข้อแนะนำต่อมาก็คือ จงคิดและมโนภาพว่าตัวเราอยู่ในสถานที่เดียวกับแม่พระหรือพระเยซูเจ้าทรงประทับอยู่และหรืออยู่ในเหตุการณ์ของแต่ละหัวข้อของพระธรรมล้ำลึก วางตัวตนเราเองว่าอาจจะเป็นผู้สังเกตุการณ์หรือแม้กระทั่งเป็นผู้แสดงเองก็ยังได้ เช่นหัวข้อแรก

 

“ทูตสวรรค์แจ้งข่าวแก่พระนางมารีย์ เราคุกเข่าอยู่ในเหตุการณ์กำลังฟังทูตสวรรค์แจ้งสารและแม่พระทรงตรัสตอบ หรือเรายังสามารถจินตนการว่า เราคือทูตสวรรค์กาเบรียลได้รับมอบหมายจากพระบิดา ผู้ทรงสรรพานุภาพ นำข่าวสุดประเสริฐมาถวายแด่พระแม่ และรอรับคำตอบอันนอบน้อมถ่อมตนของพระนางมอบสู่พระเจ้า

 

อีกตัวอย่าง เช่นหัวข้อที่ 3 พระเยซูเจ้าประสูติ ณ เมืองเบธเลเฮม เราอาจจะมโนภาพว่าเราคือหนึ่งในบรรดาคนเลี้ยงแกะที่มาเข้าเฝ้าพระกุมารในถ้ำเลี้ยงสัตว์

 

หรือในหัวข้อที่ 3 แห่งพระธรรมล้ำลึกพระมหาทรมาน พระเยซูเจ้าทรงถูกสวมมงกุฎหนาม” เราคือหนึ่งในทหารที่บังคับพระองค์ให้ทรงสวมมงกุฎหนามบนพระเศียร เนื่องจากบาปและกิจการชั่วร้ายต่าง ๆที่เราได้กระทำผิดต่อพระองค์

 

ด้วยความพยายามอย่างพากเพียรและซื่อสัตย์ต่อการรำพึงพระธรรมล้ำลึกของเรา แม้ว่าเราจะล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วนสำหรับการรำพึง แต่ความเชื่อและความพากเพียรก็เพียงพอแล้วสำหรับการได้รับพระคุณการุณย์และพระหรรษทานที่จำเป็นต่อจิตวิญญาณ (ดังเช่นนักบุญหลุยส์ มารีฯ ได้สอนเราไว้ใน หนังสือความลับของสายประคำ ของท่าน) โดยแท้จริงแล้วการรำพึงพระธรรมล้ำลึก ไม่ใช่การรับพระคุณหรือพระหรรษทานที่เหนือธรรมชาติ (เช่น การเข้าญาณ เป็นต้น)

 

ผู้ใดที่ฝีกฝนการรำพึงอย่างเล็กน้อย อาจจะนำไปสู่ความบรรเทาใจได้บ้างก็เป็นได้ ผู้ใดฝึกฝนอย่างพากเพียร ไม่ย่อท้อในการรำพึง ก็อาจจะนำไปสู่การรำพึงภาวนาขั้นสูง

 

(จากข้อเสนอแนะในหนังสือ เราจะเห็นได้ว่ารูปแบบการรำพึงนั้น มีความยืดหยุ่นและไม่มีหลักการที่แน่นอนเลย ขึ้นอยู่กับสภาวะจิตและมโนภาพในการสวดภาวนาของเราในแต่ละขณะเวลาของการสวดสายประคำในแต่ละครั้ง)

how to pray rosary rosarycrusade 036

—————-

ท่านผู้อ่านสามารถที่จะดาว์นโหลดหนังสือเก่าและมีคุณค่าสำหรับการสวดสายประคำได้จากลิงค์ต่อไปนี้

(เลือกจาก Download Options ทางขวามือว่าต้องการจะเซฟเก็บไว้ในรูปแบบใด)

 

The Rosary Crusade : Free Download & Streaming : Internet Archive

 

 

สุดท้ายนี้ข้าพเจ้าได้ลองทำคลิปวิดิโอ แปลเรียบเรียงออกมาเป็นภาษาไทย สรุปการรำพึงพร้อมภาพพระธรรมล้ำลึกทั้ง 15 หัวข้อ จากหนังสือ เพื่อเป็นแนวทางให้ท่านผู้อ่านลองใช้ดู นอกเหนือจากการอ่านหนังสือ ข้าพเจ้าพยายามทำให้คลิปแต่ละภาพเดินช้า ๆ เพื่อว่าท่านจะสามารถอ่านข้อความพร้อมจดจำภาพพระธรรมไปพร้อม ๆกันได้ หวังว่าคงจะช่วยให้ท่านผู้อ่านได้บ้าง

 

 

mother onlybk

ขอให้พระแม่มารีย์ทรงอวยพระพรและประทานความช่วยเหลือให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่าน รักการสวดสายประคำเพื่อถวายเกียรติมงคลแด่พระเยซูเจ้าและแม่พระ สรรเสริญและรักพระบุตรและพระมารดาตลอดไปเทอญ อาแมน mother onlyfw

 

 

 

The post รำพึงพร้อมสวดสายประคำด้วยหนังสือต้นแบบสายประคำ “Rosary Crusade” appeared first on มาสวดสายประคำกันเถอะ.

วิญญาณในไฟชำระ ช่วยด้วยเถิด

$
0
0

 

purgatory

พระเจ้าทรงยุติธรรมในทุกสิ่ง ความดีที่เรากระทำเพียงเล็กน้อย พระองค์ทรงประทานบำเหน็จเกินความคาดหมายของเรา ขณะเดียวกันสำหรับความผิดเพียงเล็กน้อย พระองค์ก็ทรงยุติธรรมเช่นกัน คือการรับโทษในไฟชำระ ซึ่งนักบุญจำนวนมาก ต่างก็ได้ผ่านไฟชำระ ก่อนจะได้รับบำเหน็จในสวรรค์ เมื่อเราทราบเช่นนี้แล้ว เรายังคงลืมบิดามารดาที่น่าสงสารของเราอีกหรือ หากพระจะอนุญาตให้เราหยั่งทราบสภาพของท่านได้ เราจะแลเห็นท่านกำลังวิงวอนว่า
“ลูกรักเอ๋ย โปรดช่วยพ่อช่วยแม่ด้วย! โปรด เมตตาและอย่าทอดทิ้งพ่อแม่เลย”

 
วิญญาณที่น่าสงสารเช่นนี้เป็นเสมือนยาจกที่ยากไร้ต่อหน้าเศรษฐีไร้นํ้าใจ พวกเขาคร่ำครวญ วิงวอนให้ลูกหลานและมิตรสหายสวด “ข้าแต่พระบิดาและวันทามารีอาสัก 1 บท สัก 1 มิสซา” เราจะยังคงเป็นคนอกตัญญูและปฏิเสธการวอนขอของพวกเขาได้อีกหรือ

 

ความเชื่อสอนเราว่า วิญญาณที่น่าสงสารเหล่านี้กำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสเกินกว่าคำบรรยายใดๆของมนุษย์ หากเราอยากมั่นใจว่าจะได้รับสวรรค์เป็นบำเหน็จ เราต้องสวดภาวนาอุทิศ ถวายวิญญาณในไฟชำระให้มาก ๆ การทำเช่นนี้แทบจะกล่าวได้อย่างมั่นใจว่า เป็นวิธีการจัดเตรียมพระราชัยสวรรค์ล่วงหน้าสำหรับตนเอง หากเราได้เคยสวดภาวนาเพื่อวิญญาณในไฟชำระมาก่อน และเมื่อถึงคราวที่ตัวเราเองจะต้องถูกตัดสินเฉพาะพระพักตร์พระเยซูคริสตเจ้า เมื่อเราต้องเปิดเผยทุกสิ่งที่เราเคยกระทำมาตลอดชีวิต เมื่อนั้นวิญญาณที่เราเคยสวดอุทิศให้มาก่อนทั้งหมด จะพากันเข้ากราบแทบพระบาทองค์พระผูไถ่และวิงวอนว่า

 

“ข้าแต่พระองค์ โปรดเมตตาวิญญาณที่ใจบุญของผู้นี้ด้วย เพราะเขาคือผู้ที่ช่วยพวกเราออกจากไฟชำระ หลุดพ้นจากพระยุติธรรมของพระองค์ โปรดลืมความผิดพลาดของเขา เช่นเดียวกับที่เขาเคยช่วยทำให้พระองค์ทรงลืมความผิดพลาดของพวกเรามาก่อน”

 

เรามักจะลืมผู้ที่จากโลกนี้ไป นี่นะหรือคือสิ่งที่เราตอบแทนผู้ที่เคยกระทำสิ่งที่ดีต่าง ๆเพื่อเรา ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ขอเราอย่าได้อยู่ในกลุ่มของผู้ที่ไม่รู้จักบุญคุณผู้เคยมีบุญคุณต่อเราเลย ยิ่งกว่านั้นสิ่งที่เราทำเพื่อความรอดของท่าน ที่จริงก็คือสิ่งที่เรากำลังทำเพื่อความรอดของตัวเราเองในอนาคตด้วย

 

เราจะช่วยบรรเทาความทุกข์ทรมานและนำวิญญาณในไฟชำระเข้าสู่สวรรค์ได้อย่างไร?

 

our lady of the souls in purgatory

 

1. โดยการสวดภาวนา :

เมื่อเราสวดเพื่อวิญญาณในไฟชำระ เรากำลังทำสิ่งที่พระทรงโปรด ให้เป็นเสมือนหนึ่งเรากำลังสวดให้ตัวเราเอง ทุกเช้าเราสามารถถวายกิจการและการสวดภาวนาของเราในวันนั้นเพื่อบรรเทาวิญญาณที่กำลังทนทรมานอยู่ในไฟชำระ สิ่งที่เรากระทำเป็นเสมือนการช่วยแบกสิ่งของที่หนักอึ้งผูกมัดอยู่บนหลังของพวกเขา ขณะที่มือทั้งสองข้างถูกมัดไพล่หลังอยู่ การสวดภาวนาเพื่อพวกเขาก็คล้ายกับเรากำลังช่วยยกของทีละชิ้น บนหลังของพวกเขาออก และทีละเล็กทีละน้อยพวกเขาก็จะได้รับอิสรภาพ วิญญาณที่น่าสงสารในไฟชำระก็มีสภาพเป็นเช่นนี้

 

2.โดยการพลีกรรม :

ความดีที่เรากระทำเพื่อพวกเขา เป็นสิ่งที่ไม่อาจประมาณค่าได้ เมื่อเรากระทำร่วมกับพระโลหิตที่ยิ่งใหญ่ของพระเยซูคริสตเจ้า ร่วมกับพระนางพรหมจารีและบรรดานักบุญทั้งหลาย พลีกรรมต่าง ๆ ของเราที่ถวายเพื่อวิญญาณในชำระ เช่นนี้ จะลดจำนวนผู้ที่อยู่ในไฟชำระจนไม่มีผู้ใดเหลืออยู่ในไฟชำระได้

 

3.โดยทางมิสซา :

นี่คือวิธีที่ได้ผลรวดเร็วที่สุด เพราะนี่คือคำภาวนาที่มิใช่กระทำโดยตัวเรา ผู้เป็นคนบาป แต่เป็นคำภาวนาของพระคริสตเจ้าที่ยิ่งใหญ่เสมอพระบิดาผู้ไม่เคยปฏิเสธพระบุตรของพระองค์เลย

 

วิญญาณที่น่าสงสารเหล่านี้เกือบจะสิ้นสุดการตกอยู่ในแดนที่ถูกเนรเทศแล้ว ความรักและความปรารถนาที่จะได้อยู่ร่วมกับพระเจ้ารุนแรงมาก จนพวกเขาแทบจะอดทนต่อไปไม่ไหวจึงร้องคร่ำครวญว่า

 

“ข้าแต่พระเจ้า โปรดทอดพระเนตรแห่งพระมหากรุณามายังเรา ความทุกข์ทรมานของเรากำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว” นอกจากนั้นยังมีวิญญาณของผู้ที่มิใช่ญาติหรือมิตรสหายของเรา
“หากท่านยังมีเมตตาจิตอีกสักเล็กน้อย ขอได้โปรดเมตตาเราที่ถูกทอดทิ้งในไฟแห่งพระยุติธรรมของพระเจ้าด้วยเถิด”

 

purgatory 2

วิญญาณเหล่านี้ไม่อาจช่วยตนเองได้เลย แต่พวกเขาสามารถช่วยเหลือเราได้ เพราะแทบจะไม่มีใครเลยที่ระลึกถึงพวกเขาในไฟชำระ และไม่ได้รับพระหรรษทานตามที่ขอ ให้เรามั่นใจว่า การสวดอุทิศสำหรับวิญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ จะส่งผลให้เราได้รับพระหรรษทานด้วย การสวดอุทิศสำหรับวิญญาณในไฟชำระ จึงเป็นประกันการได้รับบำเหน็จรางวัลในสวรรค์ของตัวเราเอง วิญญาณเหล่านี้เปี่ยมล้นด้วยความเมตตา พวกเขาจะตอบแทนเรามากกว่าสิ่งที่เราได้กระทำเพื่อพวกเขาร้อยเท่าพันทวี

 

จึงขอให้เราแต่ละคนคิดถึงบิดามารดาของเรา และวิญญาณที่ถูกทอดทิ้งทั้งหลายเป็นเวลาช้านาน ให้เราถวายกิจการทั้งหลายทั้งปวงเพื่อความบรรเทาของพวกเขา พระเจ้าทรงพอพระทัยในการกระทำของเราเช่นนี้ พระองค์ทรงปรารถนาจะให้พวกเขาเข้าสู่สวรรค์ เพื่อจะได้วิงวอนพระองค์ประทานความชื่นชมยินดีลำหรับเราเช่นกัน

 

—————

บทความข้างบนนี้เป็นบทเทศน์ของท่านนักบุญยอห์น มารีย์ เวียนเนย์ พระสงฆ์เจ้าอาวาสผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งหมู่บ้านอาร์ส ประเทศฝรั่งเศส เป็นองค์อุปถัมภ์ของพระสงฆ์เจ้าอาวาสทั่วโลก

ซึ่งข้าพเจ้าได้คัดลอกมาจาก

 

นิตยสารแม่พระยุคใหม่

ฉบับที่ 156 พฤศจิกายน-ธันวาคม 2007/2550
(ไม่ปรากฏชื่อผู้แปล)

 

hst johnvianney 9

 

ท่านสามารถอ่านประวัติของท่านนักบุญเพิ่มเติมได้ที่

 

นักบุญยอห์น มารีย์ เวียนเนย์ -stjohnvieney

ประวัตินักบุญตลอดปี เดือน สิงหาคม

The post วิญญาณในไฟชำระ ช่วยด้วยเถิด appeared first on มาสวดสายประคำกันเถอะ.


ทำไมเราควรสวดสายประคำทุกวัน (มีวิดิโอคลิป)

$
0
0

 

2015 12 12 11.24.38

เราชาวคาทอลิกบางส่วน (หรืออาจจะเป็นส่วนใหญ่?) ต้องยอมรับการสวดสายประคำเป็นการภาวนาที่ค่อนข้างต้องใช้ความพยายามพอสมควร  เพราะเป็นการสวดภาวนาที่ต้องใช้ทั้งคำพูดในบทสวด (ไม่ว่าจะออกเสียงหรือไม่ก็สวดในใจ) และยังต้องใช้จิตใจ รวบรวมความนึกคิดในการรำพึงพระธรรมล้ำลึกไปพร้อมกันอีกด้วย เรียกได้ว่าใช้ทั้งหัวใจและสมองในการสวดสายประคำ (แต่เราควรใช้หัวใจภาวนามากกว่าใช้สมองในการสวด)

 

โชคดีที่การสวดสายประคำนั้น เราสามารถค่อย ๆฝีกหัดการสวดสายประคำนี้ให้ก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อย ๆ สู่หนทางแห่งพระพรอันอุดมทำให้ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของเราก้าวหน้าไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์และเอาตัวรอดไปสวรรค์ รวมทั้งยังสามารถแบ่งปันพระหรรษทานให้แก่ผู้อื่นด้วยการสวดภาวนาอุทิศให้ ขอเพียงเรามีความพยายาม ความตั้งใจ ความทุ่มเท ความมานะพากเพียรในการสวดสายประคำ แต่เหนือสิ่งอื่นใดเราจำต้องมีความรัก ความเชื่อและความไว้วางใจ ความศรัทธาต่อพระเยซูเจ้าและแม่พระ เป็นที่ตั้งซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการสวดสายประคำ อย่าเพียงแต่วอนขอ การสวดภาวนาที่สมบูรณ์ครบครันต้องมีการขอบพระคุณ สรรเสริญโมทนา สำนึกในบุญคุณ ความรัก พระเมตตาที่พระเป็นเจ้ามีต่อเรา ถวายเกึยรติมงคลแด่พระตรีเอกภาพ แด่แม่พระผู้ซึ่งเป็นพระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์นิรมลของพระบุตรพระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของเราทั้งหลาย

 

ทำไมการสวดสายประคำจึงเป็นการภาวนาที่สำคัญมากสำหรับชาวคริสตชน มีเหตุผลและตัวอย่างมากมายซึ่งข้าพเจ้าก็ได้โพสต์ไปแล้วหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมวดหมู่ “ความลับของสายประคำ” โดยท่านนักบุญหลุยส์มารี กรีญอง เดอ มงฟอร์ต

 

screenshot 2015 08 03 15 21 02

ในโพสต์นี้ ข้าพเจ้าได้ทำคลิปวิดิโอโดยนำข้อความ คำยืนยันจากบรรดาเหล่านักบุญและสมเด็จพระสันตะปาปาที่ได้เขียน ได้กล่าวถึงความศักดิ์สิทธิ์ ความครบถ้วนของพระพร พระหรรษทานของการสวดสายประคำมาให้ท่านไตร่ตรองและใคร่ครวญ ซึ่งวางอยู่ท้ายโพสต์นี้

 

ข้อความเหล่านี้ ข้าพเจ้าได้คัดเรียบเรียงมาจากนิตยสารแม่พระยุคใหม่

ฉบับที่ 165 พฤษภาคม-มิถุนายน 2009/2552

โดย พลมารี

 

นี่คือข้อความที่ไม่ได้นำไปไว้ในคลิปวิดิโอ เนื่องจากมีเนื้อหายาว ข้าพเจ้าขอนำมาคัดลอกมาไว้ดังต่อไปนี้

 

เรื่องจริงจากการสวดสายประคำ

 

เรื่องแรก

ค.ศ. 1945 มีการทิ้งระเบิดไฮโดรเจนที่ฮิโรชิม่า คณะเยสุอิต ซึ่งมีสมาชิกแปดคน อยู่ห่างจากที่ทิ้งระเบิดประมาณแปดช่วงตึก ไม่ได้รับอันตรายแม้แต่นิดเดียว ทั้งคนและตึกปลอดภัย ในขณะที่คนอื่น ภายในรัศมี 1.5 กิโลเมตร เสียชีวิตหมด พระสงฆ์ ทั้งแปดองค์ยังมีชีวิตอยู่ และมีสุขภาพแข็งแรง นักวิทยาศาสตร์สองร้อยคนได้ทำ การวิจัยและตรวจสอบเป็นเวลาหลายปี เพื่อหาคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ คุณพ่อ ฮิวเบอร์ หนึ่งในสมาชิกแปดคนบอกว่า มีอยู่สิ่งเดียวที่บ้านของท่านแตกต่างจากบ้าน ของคนอื่น ๆ คือ คุณพ่อและเพื่อนพระสงฆ์สวดลูกประคำทุกวัน และดำรงชีวิตตามสารของแม่พระฟาติมา

 

เรื่องที่ 2

ในสมณสมัยของพระสันตะปาปาปีโอที่ 5 (ค.ศ. 1566-1572) ยุโรปกำลังบ้านแตกสาแหรกขาด เนื่องจากการปฏิรูปทางศาสนา การคดโกงและภัยจากการรุกรานของตุรกี เมื่อเห็นว่าทุกสิ่งเลวร้ายลงทุกที พระองค์ทรงสวดลูกประคำทุกวัน ในนาทีสุดท้าย พระองค์สามารถขอร้องประเทศในยุโรปรวมเป็นหนึ่งเดียวกันในการสวดลูกประคำ และประสบความสำเร็จในการจัดตั้งกองทหารขึ้น พระองค์ได้ประทานสายประคำแก่ทหารทุกคน วันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1571 ไม่น่าเชื่อเลย กองทหารยุโรปประมาณห้าพันคนสู้กับกองทหารตุรกีประมาณสามหมื่นคน และในวันที่ 7 ตุลาคม ทหารของพระองค์ใต้รับชัยชนะสงครามลีปันโต โดยความช่วยเหลือของแม่พระลูกประคำ

 

(ทั้งสองเรื่องคือความมหัศจรรย์และพลังอำนาจของการสวดสายประคำที่ผู้คนกล่าวขานถึงบ่อย ๆในหน้าประวัติศาสตร์ของสายประคำ ท่านสามารถอ่านเพิ่มเติมในภาคภาษาอังกฤษอย่างย่อ ๆได้จากที่นี่ Miraculous Rosary: FAMOUS ROSARY MIRACLES )

 

นักบุญเบอนาร์ด อธิการและนักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร ได้แต่งบทสวด โปรดระลึกเถิด ได้อย่างสายงาม เพราะพริ้ง

saint bernard

โปรดระลึกเถิด พระแม่มารีย์พรหมจารีผู้โอบอ้อมอารี แต่ไหนแต่ไรมา ยังไม่เคยได้ยินเลยว่า ผู้ที่มาพึ่งพาขอดวามช่วยเหลือและความคุ้มครองจากพระแม่ จะถูกพระแม่ทอดทิ้ง ลูกมั่นใจดังนี้ จึงรีบมาเฝ้าพระมารดา พรหมจารีแห่งพรหมจารีทั้งหลาย ลูกคนบาปมาคร่ำครวญเฉพาะพระพักตร์ของพระแม่ ข้าแต่พระมารดาแห่งพระวจนาตถ์ โปรดอย่าเมินเฉยต่อวาจาของลูก แต่โปรดฟังและประทานตามที่ลูกวอนขอด้วยเทอญ อาแมน

true storiesfw

 

 

 

 

 

 

 

 

The post ทำไมเราควรสวดสายประคำทุกวัน (มีวิดิโอคลิป) appeared first on มาสวดสายประคำกันเถอะ.

อธิบายเวลาทำเครื่องหมายสำคัญมหากางเขนของคริสตชน

$
0
0

 

ข้าพเจ้าเพิ่งได้อ่านอุดมสาร (เป็นไฟล์ PDF) ปีที่ 40 ฉบับที่ 30 ประจำวันที่ 17-23 ก.ค. 2016 มีบทความที่น่าสนใจและอธิบายได้ดีมาก ๆ ชัดเจน และยกตัวอย่างให้เข้าใจได้อย่างเรียบง่ายโดยไม่ต้องใช้ศัพท์เฉพาะทางเทววิทยาเลย (และข้าพเจ้าไม่เคยอ่านเจอบทความที่ไหนที่เขียนได้อย่างดีเยี่ยมในเรื่องนี้มาก่อนเลย) เมื่อเวลาคริสตชนคาทอลิกทำเครื่องหมายสำคัญมหากางเขนนี้จะอธิบายอย่างไร  บทความนี้มีชื่อว่า “วันทามารีย์…เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน” เขียนโดย คุณพ่อประสิทธิ์  ใหม่เพียรวงศ์ ขออนุญาตคัดลอกเฉพาะการทำเครื่องหมายสำคัญมหากางเขนมาเผยแพร่ดังนี้ (คุณพ่อได้เขียนขึ้นจากความทรงจำเมื่อตอนเรียนคำสอนกับพระคุณเจ้าคายน์ แสนพลอ่อน  อดีตพระอัครสังฆราชอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ลองอ่านไตร่ตรองหลาย ๆ รอบดู)

ขอขอบพระคุณคุณพ่อเป็นอย่างสูงและด้วยความเคารพมา ณ ที่นี้ด้วย

คุณพ่อซิลเวสเตอร์  ประสิทธิ์  ใหม่เพียรวงศ์ ปัจจุบันท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดนักบุญยอแซฟ  บ้านหัน  นครราชสีมา

————

 

prasit

ฉัน (คุณพ่อประสิทธิ์ ผู้เขียนบทความนี้) เคยถูกถามบ่อยๆว่า  เครื่องหมายของคริสตชนคืออะไร  และก็ถูกสอนว่า “กางเขน” แล้วเวลาทำเครื่องหมายสำคัญมหากางเขนนี้ล่ะอธิบายอย่างไร  แปลกนะฉันจำเรื่องราวที่ถูกสอนจากสถาบันฯไม่เคยได้ซะที  แต่สิ่งที่จำได้กลับกลายเป็นตอนสมัยเด็กๆ เรียนมัธยมต้น  พวกเราเรียนคำสอนในตอนเย็นกับอธิการคายน์  แสนพลอ่อน (ซึ่งต่อมาเป็นพระอัครสังฆราชคายน์  แสนพลอ่อน อัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ซึ่งล่วงลับไปในปี พ.ศ. 2550)
………………….

 

ในเย็นวันหนึ่งที่สนามฟุตบอลรุ่นเล็กพวกเรานั่งที่สนามมีหย่อมหญ้าซี่งเข้มแข็งเกิดขึ้นมาได้ในพื้นสนามที่เป็นดินลูกรัง  ท่านอธิการผู้น่ารักอธิบายคำสอนง่ายๆ ว่า “เวลาที่พวกเราทำเครื่องหมายสำคัญมหากางเขนทุกครั้งให้คิดตามอย่างนี้……

 

sign of the cross1

คำว่า เดชะพระนาม  เราพนมมืออย่างสำรวมไว้ที่หน้าอก  ให้คิดในใจว่า ลูกขอออกพระนามพระเจ้าซึ่งลูกเคารพสักการะอย่างสูงสุดในชีวิตของลูก คือ

 

พระบิดา  นำนิ้วมาสัมผัสที่หน้าผาก   ที่หัวเรามีอะไรสำคัญ”  ท่านถามบรรดาลูกศิษย์พร้อมกับทำท่าเอานิ้วชี้ ชี้ที่บริเวณหน้าผากพร้อมท่าทางหน้าตาสนุกๆเลยเอาพวกเราอดยิ้มอดหัวเราะกันไม่ได้  แล้วก็ตอบไปต่างๆ นานา   “ใช่แล้วที่หัวของเรามีสมองไว้คิด  ไว้สร้างสรรค์สิ่งดีต่างๆ  พระบิดาคือพระผู้สร้างโลกพระองค์สร้างทุกสิ่ง  และสิ่งสร้างที่ประเสริฐ สำคัญที่สุดและพระองค์รักที่สุดคืออะไร”  พวกเรารีบแย่งกันตอบว่า “มนุษย์”  “ใช่แล้วมนุษย์คือพวกเรานี่แหละ ทุกครั้งที่เอ่ยพระนามพระบิดา  ให้พวกเราสำนึกในพระผู้สร้าง  พระองค์รักและทรงสร้างเรามา  ประทานลมหายใจและชีวิตให้พวกเรา  ขอบคุณพระองค์”

 

“จากนั้นเรานำนิ้วของเราสัมผัสที่หน้าอก พร้อมเอ่ยคำว่า และพระบุตร  ที่ลำตัวของเรามีอวัยวะอะไรที่สำคัญ”  แน่นอนพวกเราตอบพร้อมๆ กันว่า“หัวใจ”  “ถูกต้อง  หัวใจ ก็คือ หมากกะใจ ตามภาษาพูดเล่นๆ ของอีสานเรานั่นแหละ  ซึ่งพวกเราก็รู้ดีว่า หัวใจ เป็นสื่อที่แสดงความรักพระบุตรเป็นองค์แห่งความรัก  ดูสิพระองค์ลงมาเกิดเป็นมนุษย์  ด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่  พระองค์ยอมตายบนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปของพวกเรา  ทุกครั้งที่เราเอ่ยพระนามพระบุตร  ให้เราคิดถึงพระเยซูเจ้า  พระเจ้าของเราที่รักเราจนถึงที่สุด  จนยอมตายเพื่อเรา” ฉันคิดว่าตอนนั้นท่านมองหน้าพวกเรา  ก่อนจะพูดทีเล่นทีจริงว่า “พวกเราดีพอรึเปล่าที่ให้พระเจ้ามาตายเพื่อเรา  พระองค์ไถ่บาปเรา  แล้วเราเป็นคนดีเพื่อตอบสนองความรักของพระองค์หรือเปล่า”  ท่านโยนคำถามแล้วปล่อยให้พวกเราคิด  แน่นอนฉันคิดตามและสำนึกว่า  ไม่เลย..ฉันก็ยังคงเป็นคนไม่ดีซ้ำๆ อยู่นั่นแหละ

 

teaching kumson

แล้วท่านก็เอ่ยขี้นมาดับความเงียบของพวกเราต่อไปว่า  “จากนั้นเรานำนิ้วมาสัมผัสที่บ่าทั้งสองข้างพร้อมเอ่ยคำว่า “และพระจิต บ่าของเรามีไว้ทำอะไรบ้างบอกทีซิ”  ณ เวลานั้นเรายังคงอยู่ในสมัยที่ยังไม่ใช่น้ำไหลไฟสว่าง  ทางดี  มีเงินใช้  ไม่ใช่มีระบบประปาตามหมู่บ้านอย่างเช่นสมัยปัจจุบัน  พวกเราจึงตอบตามสภาพบ้านๆของเรา  ใช้แบก  ใช้หาบน้ำ  ใช้หาม  ใช้ช่วยดันเกวียนดันรถ  ฯลฯ  ฉันเองจำคำตอบตัวเองได้ว่า  หาบน้ำเพราะชีวิตฉันก็เคยใช้บ่าหาบน้ำตามชาวบ้านเขาเหมือนกัน  ท่านอธิการหัวเราะแบบคนอ้วน  น่ารักและอารมณ์ดีพร้อมกับอธิบายต่อไปว่า  “นั่นแหละ  บ่าของเราเป็นอะไรที่แข็งแรง  ผ่อนหนักเป็นเบาได้ตั้งเยอะ  พระจิตเป็นพละกำลัง  พระองค์ประทานพละกำลังมากมายแก่เรา  ดูจากบรรดาอัครสาวกเวลาที่พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์สิ  อัครสาวกยังไม่ได้ไปประกาศเทศนาสั่งสอนนะ  พวกท่านกลัว  อยู่แต่ในห้องคอยฟังเสียง  พอก๊อกๆ แก๊กๆ หน่อยก็ต๊กกะใจ”  ท่านอธิการทำเสียงดังลั่นเมื่อเอ่ยคำนั้น  เล่นเอาพวกเราหลายคนที่กำลังตั้งใจฟังและพวกอาจจะกำลังหลับไปเพราะลมเย็นๆสะดุ้งไปตามๆ กันท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของพวกเรา“

แล้วเมื่อเวลาพระจิตเสด็จลงมา พระองค์ประทานพละกำลัง  ความกล้าหาญ  ความสว่าง…เป็นพระคุณเจ็ดประการที่เราท่องกันนั่นแหละ ตอนนั้นบรรดาอัครสาวกกล้าหาญไม่กลัวอะไรทั้งสิ้นเปิดประตูออกมาทันที  และประกาศความเชื่อมีคนกลับใจมากมายในวันนั้น   ดังนั้นทุกครั้งที่เราเอ่ยพระนามพระจิตเจ้า   ให้เราคิดถึงพระเจ้าผู้ประทานพละกำลังและความสว่างให้เราในการใช้ชีวิตประจาวันของเราแต่ละวันด้วยความกล้าหาญและมั่นใจ”

 

“จากนั้นเรานำมือของเรามาพนมมือที่หน้าอกด้วยความเคารพพร้อมกับเอ่ยคำว่า ‘อาแมน’ แปลว่าอะไร”  แหม่กำลังฟังเพลินๆ   ยิงคำถามอย่างนี้เล่นเอาพวกเราก้มหน้านิ่งเงียบกันไปเลยเพราะตอบทีไรก็ผิดตลอดกาล  ท่านก็คงรู้ว่าพวกเราไม่กล้าตอบจึงเฉลยออกมาว่า  “เมื่อจบแล้วเราพูดว่า อาแมน ก็ต้องการสื่อออกมาว่า  ขอให้เป็นดังนั้น  อย่างที่พูดนั้น  ยอมรับอย่างนั้น  นั่นก็คือว่า  ข้าพเจ้าขอเอ่ยพระนามของพระเจ้าพระตรีเอกภาพด้วยความเคารพสักการะ  ผู้ซึ่งเป็นพระเจ้าสูงสุด  ผู้ทรงสร้างลูก  ผู้ทรงรักลูกจนถึงยอมตายไถ่บาปลูก  และประทานพลกำลังให้กับลูกเสมอทุกวันเวลา”  ท่านเงียบไปสักครู่ปล่อยเวลาให้พวกเราได้คิด  แต่เชื่อเถอะ ณ เวลานั้นฉันคิดไม่เป็นหรอก  ความสุกงอมเรื่องความเชื่อของฉันยังน้อยมาก มันต้องใช้เวลาอีกนานมากทีเดียวกว่าฉันจะเข้าใจและนำมาใช้ในชีวิตจริง

 

คายน์ แสนพลอ่อน, ลอเรนซ์

 

“จำสิ่งที่พ่อสอนไว้นะ  ถ้าพวกเราเข้าใจ  เราจะทำเครื่องหมายสำคัญมหากางเขนทุกครั้งอย่างรู้พระคุณและศรัทธา  ว่าไปแล้วแค่ทำเครื่องหมายสำคัญมหากางเขนและรำพึงไปด้วยอย่างช้าๆ  ไม่ต้องสวดอะไรก็ครบสมบูรณ์แล้วในการอธิษฐานภาวนา” ท่านทิ้งท้ายไว้ให้คิดและฉันเองก็นำมาคิดและขบแตกเมื่อตอนโตนี้เอง

 
……………….

 

 

ดูวิดิโอคลิปส่งท้าย จัดทำโดย a little sheep

การทำสำคัญมหากางเขน – YouTube

The post อธิบายเวลาทำเครื่องหมายสำคัญมหากางเขนของคริสตชน appeared first on มาสวดสายประคำกันเถอะ.

สวดสายประคำพระเมตตาเพื่ออะไรและจำเป็นต้องสวดไหม?

$
0
0

 

30 เมษายน ค.ศ. 2000 นักบุญโฟสติน่า โควัลสกา ได้รับการประกาศแต่งตั้งเป็นนักบุญธรรมทูตแห่งพระเมตตา โดยนักบุญสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 และสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงกำหนดให้ปีนี้คือปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม (8 ธันวาคม 2015 – 20 พฤศจิกายน 2016) สายประคำพระเมตตาคือหนึ่งในบทสวดภาวนาที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือวอนขอพระเมตตาของพระเยซูเจ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดชิ้นหนึ่งโดยท่านนักบุญโฟสติน่า ข้าพเจ้าได้ถอดความและเรียบเรียงเรื่องราวเกี่ยวกับสายประคำพระเมตตามาให้ท่านผู้อ่านได้พิจารณาดังนี้

 

1. ประวัติและความเป็นมาของสายประคำพระเมตตา

fostina 1ในปี ค.ศ. 1933 พระเยซูเจ้าทรงไขแสดงให้นักบุญโฟสตินา ได้เห็นพระฉายาลักษณ์แห่งพระเมตตาของพระองค์ ท่านนักบุญได้บอกเราว่า:

 

“ดิฉันเห็นแสงสว่างอันรุ่งโรจน์แห่งพระเป็นเจ้าพระบิดา
ท่ามกลางแสงและแผ่นดินดิฉันเห็นพระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงกางเขน
พระองค์ทรงอยู่ในลักษณะที่ว่าต้องการจะทรงทอดพระเนตรมายังโลก
เมื่อมองผ่านบาดแผลขององค์พระผู้เป็นเจ้าทันใดนั้นดิฉันเข้าใจได้ว่าพระบิดาทรงประทานพระพร
อันไพศาลแก่ชาวโลกสำหรับพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ “

 

อีกนิมิตหนึ่งซึ่งพระเยซูเจ้าทรงเผยแสดงให้แก่ท่านนักบุญในวันที่ 13 กันยายน 1935 ท่านได้บันทึกว่า:

 

“ดิฉันเห็นเทวทูต, ผู้รักษาการแห่งพระพิโรธของพระเป็นเจ้า … เกี่ยวกับการพิพากษาลงโทษชาวโลก …

ดิฉันเริ่มที่จะวอนขอพระเจ้าอย่างจริงจังและร้อนรนสำหรับโลกด้วยคำทูลถวาย
ซึ่งได้ยินมาจากภายในจิตวิญญาณของฉันเอง ขณะที่ดิฉันอธิษฐานในลักษณะนี้

จนสามารถมองเห็นว่าท่านเทวทูตทำอะไรไม่ถูกเลยและท่านไม่สามารถดำเนินการ
ลงโทษตามพระบัญชาแห่งความยุติธรรมของพระเป็นเจ้า …. “

 

ในวันต่อมาเสียงภายในสอนให้ท่านนักบุญสวดคำอธิษฐานภาวนาดังต่อไปนี้

 

2. วิธีสวดสายประคำเมตตา

 

องค์พระเยซูเจ้า (หรือเสียงจากภายในจิตวิญญาณของท่านนักบุญ) ได้ทรงสอนให้สวดดังนี้

 

(ใช้สายประคำเดียวกันกับการสวดสายประคำปรกติ)

divinemercyrosary capture(เริ่มต้นด้วย…)
บทข้าแต่พระบิดา

บทวันทามารีย์

บทข้าพเจ้าเชื่อในพระเจ้า

 

(ที่ม็ญ่ ห้ว่  

ข้ต่บินิรั ลูกขอถวายแด่พระองค์  ซึ่งพระกาย หิพระวิญญาณ   และพระเทวภาพแห่งพระบุตรสุดที่รักของพระองค์  พระเยซูคริสตเจ้า   ะเจ้ลูทั้พื่บาลูะของชาทั้

(ที่ประคำเม็ดเล็ก ห้ว่)  

อัน่ร้ยิ่ซูจ้ ตตลูทั้ทั้

(ลังจากสวดครบสาย  ห้ 3 จบว่า)

ข้ต่ะเจ้ผู้ศัดิ์สิธิ์ ผู้ทรงฤทธิ์ และผู้มิรู้ตาย งโตตลูทั้ทั้อญ

 

(ในระหว่างที่สวดในแต่ละทศ ให้เรารำพึงถึงพระมหาทรมานเหมือนกับที่เรารำพึงถึงพระธรรมล้ำลึกภาคพระมหาทรมานตามที่สวดในสวดสายประคำตามปรกติ – ข้าพเจ้าผู้เรียบเรียงประยุกติ์เพิ่มขึ้นมาสำหรับใช้การสวดสายประคำพระเมตตาสำหรับตัวข้าพเจ้าเอง)

 

3. พระสัญญาในการสวดสายประคำพระเมตตา

 

6 foot cathedral image

องค์พระเยซูคริสตเจ้าทรงไขแสดงแก่นักบุญโฟสตินาในภายหลังว่าดังนี้:-

 

“ลูกรัก จงสวดสายประคำพระเมตตาที่่เราสอนลูกอย่างไม่หยุดหย่อน

ทุกคนที่สวดและรำพึงถึงพระมหาทรมานของเราไปด้วยพร้อมกัน
จะได้รับพระพรแห่งความเมตตาอันใหญ่หลวงจากเราในชั่วโมงแห่งความตายของพวกเขา

พระสงฆ์จะแนะนำให้บรรดาคนบาปสวดเพื่อเป็นความหวังครั้งสุดท้ายของพวกเขา

แม้แต่คนบาปหนาและใจแข็งกระด้างที่สุด
ถ้าเขาท่องสวดลูกประคำนี้แม้แต่ครั้งเดียว

เขาจะได้รับพระหรรษทานจากความเมตตาไม่มีที่สิ้นสุดของเรา

เราต้องการให้ชนทั่วโลกตระหนักถึงความเมตตาอันไร้ขอบเขตของเรา

เราต้องการให้พระหรรษทานที่แม้แต่มนุษย์ก็ยากที่จะเข้าใจนี้แก่
ผู้ที่วางใจในพระเมตตาของเรา …. ”

…. เมื่อพวกเขาสวดลูกประคำนี้ในขณะที่กำลังจะตาย เราจะยืนอยู่ระหว่างพระบิดาของเราและผู้ที่กำลังจะตายนั้นและเราจะไม่ได้อยู่ในฐานะ
ผู้พิพากษา แต่คือผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงพระเมตตาเสมอ “

 

4.  การสนทนาของพระเยซูเจ้าต่อนักบุญโฟสตินาเกี่ยวกับการสวดภาวนา

 

fostina 2

ท่านนักบุญได้พูดตอบว่า “จงตรัสเถิดองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าผู้รับใช้กำลังฟังพระองค์”

 

ลูกรัก การอธิษฐานภาวนาในความรู้สึกของลูก คือคำวอนขอที่อ่อนน้อมถ่อมตนของมนุษย์กับพระเจ้าที่จะแสวงหาความเมตตากรุณาของพระองค์เพื่อผลประโยชน์ที่เขาต้องการสำหรับชีวิตทั้งในด้านร่างกายและสำหรับจิตวิญญาณอันเป็นนิรันดร์ คือการสนทนากับพระเจ้าในรูปแบบบทสวดประจำวันหรือจากหัวใจของลูกเอง และแล้วในที่นี้ในบทสนทนาพูดคุยโดยสมมุติฐานที่ว่าพระเจ้าอาจจะตรัสตอบกับลูก ๆ ของพระองค์ ……….

 

มันไม่จำเป็นเลย ลูกเอ๋ย…ที่มนุษย์จะต้องเรียนรู้มากเพื่อที่จะทำให้เราโปรดปราน;  แค่ลูกรักเราอย่างร้อนรนและศรัทธา สนทนากับเราเหมือนกับที่ลูกพูดคุยกับเพื่อนที่ใกล้ชิดสนิทที่สุดของลูก ดุจเดียวกับที่ลูกพูดกับคุณแม่หรือพี่น้องของลูก

 

เรารักหัวใจที่ใจกว้างเมตตากรุณา ผู้ที่สามารถลืมตัวเองจนคอยดูแลเอาใจใส่ความต้องการของคนอื่น ๆ  จงพูดกับเราด้วยความจริงใจสำหรับคนยากจนที่ลูกจะปลอบใจพวกเขา สำหรับผู้เจ็บป่วยที่ลูกห็นความทุกข์ของเขา ความหลงผิดของคนบาปที่ลูกหวังจะได้เห็นพวกเขากลับใจมายังเส้นทางที่ถูกต้องชอบธรรม ของเพื่อนผู้ที่ทิ้งลูกไปและลูกต้องการให้เขากลับมาหาลูกอีกครั้ง

 

ลูกจงพูดวอนขออย่างน้อยก็หนึ่งคำสำหรับความต้องการที่ลูกกระตือรือร้นสำหรับขอให้แต่ละคน ขอให้ลูกเตือนเราว่าเราได้สัญญาจะฟังทุกคำวอนขอที่เกิดขึ้นจากหัวใจของลูก ถ้าลูกรักเขาจากใจจริงและปรารถนาที่จะสวดเพื่อเขาอย่างแท้จริง


ลูกจงบอกกับเราอย่างตรงไปตรงมาถึงข้อบกพร่องของลูก เช่นลูกน่าจะโกรธง่าย ลูกรักตัณหาและความสุขฝ่ายเนื้อหนัง หรือลูกอาจจะเย่อหยิ่ง จองหอง อารมณ์แปรปรวน และละเลยในสิ่งต่าง ๆที่ควรทำ . . จงวอนขอให้เราช่วยขจัดสิ่งบกพร่องและบาปเหล่านี้ ไม่ว่าลูกจะตกอยู่ในบาปเหล่านี้บ่อยครั้งหรือเป็นบางครั้ง  ลูกจำต้องวอนขอเราจากใจจริงของลูก ปรารถนาอย่างจริงจังที่จะกลับใจเพื่อเราจะได้ปลดปล่อยลูกให้เป็นอิสระจากข้อบกพร่องเหล่านี้

 

จงอย่าอับอายในข้อบกพร่องของลูกเลย เจ้าวิญญาณที่น่าเวทนา!  บรรดานักบุญในสวรรค์จำนวนมากต่างก็มีข้อผิดพลาดเช่นเจ้า แต่พวกเขาได้สวดภาวนาด้วยใจสุภาพ นอบน้อมถ่อมตน และทีละเล็กละน้อย พวกเขาได้ตระหนักรู้ข้อบกพร่องของตนเองและในที่สุดก็สามารถปลดปล่อยตนเองจากความผิดบาปเหล่านั้น

 

ลูกรัก จิตใจของมนุษย์ถูกหลอกได้โดยง่าย แต่เราพระเป็นเจ้าของลูกซื่อตรงเสมอไม่มีวันเปลี่ยนแปลง  จงพูดคุยกับเราอย่างซื่อสัตย์สุจริต ลูกมีความตั้งใจอย่างจริงจังในการหลีกเลี่ยงโอกาสของการทำบาปหนักไหม? ลูกจะปฏิเสธตนเองจากสิ่งชั่วร้ายที่ทำร้ายจิตวิญญาณของลูกหรือไม่? หลีกหนีการอ่านหนังสือที่ทำให้เกิดราคะ ตัญหาหรือทำให้ลูกลุ่มหลง? หลีกเลี่ยงการคบหากับผู้คนที่ทำให้ความสงบของจิตวิญญาณของลูกมลายหายไป ลูกสามารถแผ่เมตตาต่อศัตรูที่จ้องทำร้ายลูกได้หรือไม่?

 

ลูกที่รักของเราเอ๋ย  ขอให้ลูกกลับไปสู่สังคมแห่งความจริงของลูกเถิด – แต่จงอย่าลืม 15 นาทีของการสนทนาที่ศักดิ์สิทธิ์และใกล้ชิดกับเราในจิตวิญญาณ จงรักษาฤทธิ์กุศลของความเงียบ  ความเสียสละ ความพอเพียง และความเอื้อเฟื้อกรุณาต่อผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่ลูกสามารถทำได้

 

จงเคารพรักและให้เกียรติแก่พระมารดาสุดที่รักของเราและเรายังมอบให้ท่านเป็นแม่ของลูกที่รักทุก ๆคนอีกด้วย  ขอให้ลูกมาพบเราอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ด้วยหัวใจที่ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะหล่อหลอมดวงใจของลูกกับพระหฤทัยของเรา ณ ที่นั่น ลูกจะพบกับความรัก ความเมตตา พระหรรษทานและความบรรเทาใจที่ไม่เคยเหือดแห้งจากใจของเราเลย เรารอลูกอยู่เสมอ

 

ถอดความและเรียบเรียงจาก

 

The Chaplet of Divine Mercy – Prayers – Catholic Online

 

Chaplet of Divine Mercy

 

 

 

5. รวมลิงค์สายประคำพระเมตตา

5.1. ท่านสามารถอ่านประวัติพระเมตตา ดาว์นโหลดบทสวดพระเมตตาทั้งหมดและอื่น ๆเกี่ยวกับพระเมตตาได้ที่นี่

(ข้าพเจ้าคิดว่านี่คือเว็บไซต์ไทยที่รวบรวมข้อมูลพระเมตตาได้ครบถ้วนและดีที่สุด)

คณะพระเมตตาประเทศไทย

 

5.2 ดาว์นโหลดบทสวดภาวนาพระเมตตา

บทภาวนาพระเมตตา

 

5.3 วิดิโอสายประคำพระเมตตา

 

The post สวดสายประคำพระเมตตาเพื่ออะไรและจำเป็นต้องสวดไหม? appeared first on มาสวดสายประคำกันเถอะ.

แนะนำมรรคาศักดิ์สิทธิ์ – เดินรูป 14 ภาค (ตอนแรก)

$
0
0

 

มรรคาศักดิ์สิทธิ์ – เดินรูป 14 ภาค (Way of the Cross)

รูปแบบความศรัทธาที่ชาวคาทอลิกนิยมในชีวิตซึ่งเป็นสิ่งคล้ายศีลของพระศาสนจักรอันเกี่ยวกับกางเขนคือ การเดินรูป 14 ภาค เป็นการภาวนาเพื่อระลึกถึงธรรมล้ำลึกแห่งการไถ่กู้ของพระเยซูเจ้า โดยการมีส่วนร่วมในพระมหาทรมานของพระองค์ในวาระสุดท้าย เป็นการรำพึงถึงความรักที่พระเยซูเจ้าทรงมีต่อพระบิดาและต่อมนุษย์ทุกคน ที่สำคัญ เราควรนำบัญญัติรักของพระองค์มาปฏิบัติในชีวิตจริง

 

ความเป็นมา แต่เดิมคริสตชนนิยมจาริกแสวงบุญไปยังแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเลียนแบบพระแม่มารีย์ที่เดินทางไปเยี่ยมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลังจากพระ เยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์ ต่อมา ทหารผ่านสงครามครูเสดได้สร้างแบบจำลองสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ตนได้เห็นมาในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์  ต่อมาชาวบ้านตามวัดขอให้มีในวัดด้วย

 

ที่มา : คำศัพท์พระคัมภีร์ มรรคาศักดิ์สิทธิ์ – เดินรูป 14 ภาค (Way of the Cross)

1. ประวัติและความเป็นมา

stationxii

 

มรรคาศักดิ์สิทธิ์ หรือ ทางสู่กางเขน (อังกฤษ: Stations of the Cross (ที่หมายสู่กางเขน) ; ละติน: Via Crucis (ทางสู่กางเขน) หรือ Via Dolorosa (ทางแห่งความเศร้า) หรือ เรียกง่ายๆ ว่า The Way – ทาง) คือภาพงานศิลปะศาสนาคริสต์บรรยายถึงช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตพระเยซู ตั้งแต่เดินทางสู่การตรึงกางเขนและหลังการตรึงกางเขน เรียกกันว่า “พระทรมานของพระเยซู” ทำขึ้นเพื่อเป็นการระลึกถึงความทรมานและความเสียสละของพระองค์ ประเพณีนี้ปฏิบัติกันในนิกายโรมันคาทอลิก แองกลิคัน และ ลูเทอแรน มรรคาศักดิ์สิทธิ์จะปฏิบัติเมื่อใดก็ได้แต่มักจะทำกันระหว่างเทศกาลมหาพรต โดยเฉพาะทุกค่ำวันศุกร์ระหว่างช่วงเวลานี้ และวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ก่อนเทศกาลอีสเตอร์

 

วัตถุประสงค์ของการตั้งมรรคาศักดิ์สิทธิ์ก็เพื่อให้ผู้มีศรัทธาได้เดินรำพึงธรรมตามรอยพระบาทของพระเยซูจนสิ้นพระชนม์ พิธีนี้เป็นที่นิยมกันในบรรดาคริสต์ศาสนิกชนโรมันคาทอลิกและอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ เฉพาะกลุ่มที่ปฏิบัติตามจารีตตะวันตก (Western Rite)

 

ที่หมายต่างของมรรคาศักดิ์สิทธิ์เป็นความพยายามที่จะสร้างเหตุการณ์วันที่พระเยซูถูกตรึงกางเขนจากถนนสายที่เชื่อกันว่าเป็นถนนที่พระเยซูเดินไปสู่ที่การถูกตรึงกางเขนที่กรุงเยรูซาเลม ปัจจุบันเรียกว่าถนนกางเขน (Via Crucis) หรือ ถนนโดโลโรซา พอถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15 การตั้งที่มรรคาศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มเผยแพร่ไปสู่โบสถ์คาทอลิกในยุโรปตะวันตกแต่ก็ไม่ได้สร้างกันเต็มที่จนมาถึงทางสู่อาราม การติดตั้งที่หมายเหล่านี้มิได้ทำกันจนมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 17

 

มรรคาศักดิ์สิทธิ์ บางครั้งจะใช้ติดตั้งภายในคริสต์ศาสนสถาน เป็นงานศิลปะสิ่งหนึ่งที่มักจะมองข้ามเมื่อเข้าชมโบสถ์ ส่วนใหญ่จะทำเป็นรูปขนาดประมาณหนึ่งตารางฟุตติดตั้งเป็นระยะๆบนผนังสองด้านที่นำไปสู่แท่นบูชาเอก แต่ละโบสถ์ก็จะมีรูปแบบแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นวัสดุที่ใช้ทำ หรือแบบศิลปะที่ใช้ทำ บางชุดจะเป็นงานที่มีฝีมือดีและคุณค่าสูง นอกจะติดตั้งภายในโบสถ์แล้วบางครั้งก็จะตั้งเหมือนสักการสถานเป็นระยะๆก่อนจะถึงตัวคริสต์ศาสนสถานซึ่งมักจะเห็นได้จากทางสู่วัดแบบอาราม การติดตั้งที่หมายเหล่านี้มิได้ทำกันจนมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 17 นอกจากนั้นฉากจากมรรคาศักดิ์สิทธิ์ก็ยังใช้เป็นหัวข้อที่ใช้อย่างแพร่หลายในงานจิตรกรรมและประติมากรรม

 

2. การฉลองมรรคาศักดิ์สิทธิ์

 

14stations of the cross pictureการฉลองมรรคาศักดิ์สิทธิ์มักจะทำกันทุกค่ำวันศุกร์ระหว่างเทศกาลมหาพรต โดยเฉพาะ “วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์” ก่อนเทศกาลอีสเตอร์ การฉลองประกอบด้วยการร้องเพลงสวดและการสวดมนต์ เพลงสวดที่นิยมกันมากคือเพลงสวด (sequence) แบบที่เรียกกันว่า “Stabat Mater Dolorosa” ซึ่งเชื่อกันว่าริเริ่มเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 13 โดย สมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 3 และ จาร์คคาโพเน ดา โทดี (Jacopone da Todi) หลวงพ่อจากรัฐอุมเบรีย (Umbria) ในประเทศอิตาลี 

 

Stabat Mater Dolorosa เป็นเพลงสวดที่บรรยายความโศกเศร้าของพระแม่มารีย์ตอนที่พระเยซูถูกตรึงกางเขน เมื่อถึงที่หมายแต่ละจุดบางทีก็จะมีการร้องเพลงสวดที่เรียกว่า “Adoramus Te” สรรเสริญพระเยซู หรือบางทีก็ร้อง “Alleluia”

 

ในปัจจุบันมีผู้สนับสนุนให้เพิ่มฉากพระเยซูฟี้นจากความตายเป็นที่หมายที่ 15 เพราะถ้าพระเยซูไม่ฟี้นจากความตายพระองค์ก็ไม่สามารถทำภารกิจในการเป็นผู้ไถ่บาปของมวลมนุษย์ได้สำเร็จ เหตุผลอันเดียวกันนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้มีการฉลอง “อีสเตอร์ ทริดุม” (Easter Triduum หรือ Holy Triduum หรือ Paschal Triduum) ซึ่งเริ่มตั้งแต่ค่ำ “วันพฤหัสบดึศักดิ์สิทธิ์” (Holy Thursday) และไปจบเอาค่ำวันอาทิตย์อีสเตอร์ (Easter Sunday) บางครั้งการฉลองมรรคาศักดิ์สิทธิ์ก็จะทำเพื่อให้ระลึกถึงเวลาที่พระเยซูทรงฟื้นขึ้นจากความตายและเมื่อทรงขึ้นสวรรค์

 

ภาพยนตร์เรื่อง The Passion of the Christ สร้างโดย เมล กิบสัน ใช้มรรคาศักดิ์สิทธิ์เป็นโครงเรื่อง แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับที่หมายที่ 14 และที่หมายสุดท้ายการฝังพระเยซูเมื่อเทียบกับที่หมายอีก 13 ที่ ซึ่งอาจจะตีความหมายได้ว่าพระเยซูกำลังออกจากที่ฝังศพและจะฟี้นจากความในฉากสุดท้ายของภาพยนตร์

ที่มา : มรรคาศักดิ์สิทธิ์ – วิกิพีเดีย

 

3. คริสตชนกับการฉลองปัสกาเดินรูป 14 ภาค

 

พูดถึงการอุทิศตนเพื่อการรำพึงภาวนา คริสตชนสามารถปฏิบัติได้หลายวิธี เป็นต้น ทางกางเขน (Way of the Cross) ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ”เดินรูป 14 ภาค” หรือ “มรรคาศักดิ์สิทธิ์”    ซึ่งเรากระทำกันในวันศุกร์ระหว่างเทศกาลมหาพรต

 
คริสตชนสมัยแรกๆ นิยมการเดินรูป 14 ภาค เข้าใจว่าธรรมเนียมนี้เกิดจากการพยายามเลียนแบบแม่พระที่เดินทางไปเยี่ยม สถานที่ศักดิ์สิทธิ์บ่อยๆ หลังจากที่พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์ (ตามคำบอกเล่าของนักบุญบริจิต ที่ได้รับการไขแสดง)     คริสตชนพวกนี้นิยมจาริกแสวงบุญไปตามสถานที่สำคัญต่าง ๆที่มีความสัมพันธ์ในชีวิตของพระเยซูเจ้า เช่น สวนเกทเสมนี สถานที่ตัดสินพระเยซูเจ้า ฯลฯ

 
เมื่อคริสตชนจำนวนมากได้ไปเยี่ยมนครศักดิ์สิทธิ์ (กรุงเยรูซาเล็ม) และเดินตามสถานที่ต่างๆ ก็ได้มีการเขียนบันทึกประสบการณ์ และไม่ช้าก็กลายเป็นประเพณีศักดิ์สิทธิ์ที่มีพระคริสตเจ้าเป็นศูนย์กลาง    ต่อมามีการกำหนดเส้นทางการเดินตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์กับเหตุการณ์พระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าที่จารึกไว้ในพระคัมภีร์    นอกจากนี้ พวกเขาปรารถนาที่จะระลึกถึงชีวิตทั้งครบของพระเยซูเจ้ารวมทั้งคำสั่งสอนของพระองค์

 
14stations of the cross picture 2
ในระหว่างสงครามครูเสด (Crusade) การเดินทางไปแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งอันตราย ทั้งนี้เนื่องมาจากภาวะสงครามในสมัยกลางระหว่างศตวรรษที่ 12-13 คริสตชนในยุโรปมีความศรัทธาต่อพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้ามาก    โดยเฉพาะพวกทหารผ่านศึกในสงครามครูเสดได้สร้างแบบจำลองสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ตนได้เคยเห็นมาไว้ในบ้านของตน 

 

ในปี 1342 คณะฟรังซิสกันได้รับหน้าที่ให้ดูแลสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในกรุงเยรูซาเล็ม    ซึ่งพวกท่านถือเป็นเกียรติและหน้าที่ที่จะเผยแพร่ความศรัทธาต่อพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า    โดยเริ่มครั้งแรกในอารามก่อนและคริสตชนก็สามารถเข้าร่วมพิธีเดินรูป 14 ภาคโดยไม่ต้องคำนึงถึงสถานะทางการเมืองในขณะนั้น
การแพร่หลายของพิธีเดินรูป 14 ภาคเกิดจากสาเหตุสำคัญ 2 ประการ   คือ นักบุญเลียวนาร์ดแห่งปอร์ตมอริส ได้อุทิศชีวิตของตนเพื่อการสอนและการเดินรูป 14 ภาค ประการที่สอง สมเด็จพระสันตะปาปาได้ประกาศประทานพระคุณการุณย์แก่ผู้เข้าในพิธีเดินรูป 14 ภาค เช่น ปี 1731  พระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 12 ทรงประกาศสนับสนุนมรรคาศักดิ์สิทธิ์ หรือการเดินรูป 14 ภาค    จึงเป็นกิจศรัทธาที่ได้รับพระคุณการุณย์อย่างมากมาย 

 

เป็นที่สังเกตว่า การเดินรูปนี้เป็นการรำพึงไปตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ซึ่งต่อมาก็มีการใช้รูปภาพหรือรูปปั้น    และที่สำคัญทุกรูปจะมีกางเขนเป็นส่วนประกอบสำคัญ ซึ่งอาจะสันนิษฐานได้ว่า ในกรุงเยรูซาเล็ม สถานที่สำคัญต่างๆ มีกางเขนเป็นเครื่องหมาย   อีกประการหนึ่ง “มรรคาศักดิ์สิทธิ์” หรือ “ทางกางเขน” ปัจจุบันมักเพิ่มสถานที่ 15 พระเยซูทรงกลับคืนพระชนม์เข้าไปด้วย เพื่อทำให้เราเข้าใจปัสกาของพระเยซูเจ้าสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

 

ที่มา : เดินรูป 14 ภาค
โดยบาทหลวง มิเกล กาไรซาบาล, SJ.

 

4. รวมลิงค์มรรคาศักดิ์สิทธิ์ – เดินรูป 14 ภาค

 

ต่อไปนี้ ข้าพเจ้าขออนุญาตนำเสนอลิงค์บทความภาษาไทยของมรรคาศักดิ์สิทธิ์หรือการเดินรูป 14 ภาค มารวมไว้ในที่เดียวกัน เพื่อสะดวกในการศึกษาและอ่านเพิ่มเติม

 

4.1 หนังสือรูปแบบของมรรคาศักดิ์สิทธิ์ (การเดินรูป 14 ภาค)

อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ มุมภาวนา- มรรคาศักดิ์สิทธิ์ 4 รูปแบบ

เล่าสู่กันฟังประวัติการเดินรูป 14 ภาค

(นำเสนอโดย วิษณุ ธัญญอนันต์)

4.2 เว็บพลังใจ -พระทรมานของพระเยซูเจ้า

แบ่งปันโดยคุณพ่อบัญชา อภิชาติวรกุล ถอดความและเรียบเรียงโดย ตะเกียง

พระทรมานของพระเยซูเจ้า – สถานที่ 1-4

รดน้ำรินใจ – สถานที่ 5-6

พระทรมานของพระเยซูเจ้าผ่านการเดินรูป14ภาค(จบ) – สถานที่ 7-14

4.3  บทความในPANTIP.COM :

** มรรคาศักดิ์สิทธิ์ [ The Via Dolorosa ] **

พระสัญญา…ในการเดินรูป 14 ภาค – Pantip

เดินรูป 14 ภาคกับพระเยซูเจ้า มรรคาศักดิ์สิทธิ์ – Pantip

… [[ คริสตัง ]] … 2014-03-06 : มรรคาศักดิ์สิทธิ์ – Pantip

 

4.4 เดินรูป 14 ภาคตามแบบ น.ยอห์น มารีย์ เวียนเนย์

Belong to the Truth Jesus Christ • View topic – ** เดินรูป 14 ภาคตามแบบ น.ยอห์น มารีย์ เวียนเนย์ **

 

4.5 วิดิโอคลิปเดินรูป 14 ภาค

เดินรูป 14 ภาคกับพระเยซูเจ้า – YouTube

 

เดินรูป 14 ภาคกับแม่พระ – YouTube

 

พระสัญญา กับการเดินรูป 15 ภาค – YouTube

 

ในตอนหน้า ข้าพเจ้าจะขอนำเสนอรูปแบบการสวดเดินรูป 14 ภาควอนขอพระเมตตา ซึ่งสามารถใช้สวดและรำพึงทุกวันเคียงคู่ไปกับการสวดสายประคำ รวมทั้งเหตุผลที่นำมาแบ่งปัน

The post แนะนำมรรคาศักดิ์สิทธิ์ – เดินรูป 14 ภาค (ตอนแรก) appeared first on มาสวดสายประคำกันเถอะ.

รำพึงและสวดเดินรูป 14 ภาค วอนขอพระเมตตา (ตอนจบ)

$
0
0

 

ท่านผู้อ่านที่เข้ามาอ่านโพสต์นี้ ขอความกรุณาเข้าไปอ่านตอนแรกก่อน เพื่อความเข้าใจในการเดินรูป 14 ภาคพร้อมประวัติความเป็นมา

 

แนะนำมรรคาศักดิ์สิทธิ์ – เดินรูป 14 ภาค (ตอนแรก)

 

1. เหตุผลที่ข้าพเจ้าแนะนำและแบ่งปันการสวดเดินรูป 14 ภาควอนขอพระเมตตา

 

1.1 เป็นการสวดรำพึงที่เรียบง่ายสำหรับการเดินรูปสิบสี่ภาค วอนขอพระเมตตา ใช้เวลาไม่นานนักในการสวด สามารถสวดควบคู่ไปกับการสวดสายประคำประจำวัน โดยจะสวดก่อนหรือหลังการสวดสายประคำก็ได้

 

1.2 อย่างที่กล่าวไปแล้วในโพสต์แรก สมเด็จพระสันตะปาปาได้ประกาศประทานพระคุณการุณย์แก่ผู้เข้าในพิธีเดินรูป 14 ภาค ตัวอย่างเช่นปี 1731  พระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 12 ทรงประกาศสนับสนุนมรรคาศักดิ์สิทธิ์ หรือการเดินรูป 14 ภาค   จึงเป็นกิจศรัทธาที่ได้รับพระคุณการุณย์อย่างมากมาย

 

1.3 ข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือเล่มเล็ก ๆ เล่มหนึ่งที่พระคุณเจ้ายวง นิตโย (1908-1998) ใช้นามปากกาว่า ผู้หว่าน ได้แปลไว้และตีพิมพ์ลงในหนังสือ สารสาสน์ ปี ค.ศ. 1949 หนังสือนี้มีชื่อว่า “คาวบอย กลายเป็นฤาษี ตรัปปีสต์” (From Cowboy to Contemplative: The Amazing Story of the Trappist Monk, Brother Mary Joachim, O.C.S.O. “The Man Who got Even With God”)

 

brother mary joachim

หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงชีวิตของภราดาแมรี่ โยอากิม (ค.ศ. 1849-1908) ผู้ซึ่งเป็นคนเลือดร้อน บ้าบิ่นอย่างที่สุด เผาบ้านและโรงนาของพ่อแม่ แล้วหนีระเหเร่ร่อนไปเป็นคาวบอยรัฐเท็กซัสอยู่ 9 ปี แล้วก็หันกลับบ้านซึ่งพ่อแม่ก็ให้อภัยเขา ต่อมาก็เข้าสมัครเป็นนักบวชคณะตรัปปีสต์ (Trappist Monk) แล้วถวายตัวจนตลอดชีวิต ในวาระสุดท้ายท่านได้สิ้นใจเยี่ยงนักบุญ เป็นนักบุญที่นอบน้อมถ่อมตนจนถึงที่สุด

 

หนังสือพรรณาถึงการต่อสู้ที่ยากลำบากที่สุดของชีวิตภายนอกกับภายใน นั่นก็คือการต่อสู้กับตัวเอง การเอาชนะและละทิ้งตัวเองเพื่อให้พระหรรษทานของพระทำงานและเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณของตัวบราเดอร์เอง ทำให้เขาตระหนักถึงความรักและความเมตตาของพระเยซูเจ้าทีมีต่อมนุษย์ทุกคน  ซึ่งเราทุกคนควรจะต้องเปิดใจให้พระองค์ทำงานในห้วงลึกของหัวใจ เปลี่ยนแปลงจากภายในและพยายามที่จะพัฒนาชีวตจิตให้เจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆขึ้น

 

อาวุธและเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของท่านจากคนเลือดร้อน จนกลายเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์คืออะไร? นั่นก็คือพระอธิการเจ้าคณะ ได้เตือนให้โยอากิมหมั่นสวด สายประคำและเดินรูป 14 ภาค บ่อย ๆ ท่านเห็นว่า หากเขาได้รำพึงถึงพระชนม์ชีพและพระมหาทรมานของพระเยซูคริสตเจ้าบ่อย ๆ ไม่ช้าก็เร็วภารดาโยอากิมก็จะได้รักพระองค์อย่างเต็มเปี่ยม และเขาก็ได้รักษาสัญญาทำกิจศรัทธา 2 สิ่งนี้เรื่อยไปจนตลอดชีวิต

 

ข้าพเจ้าไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงบังเอิญค้นและหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน และบังเอิญอีกนั่นแหละที่ข้าพเจ้าได้ลองสวดเดินรูป 14 ภาค วอนขอพระเมตตาพร้อมกับสวดสายประคำประจำวันมาสักระยะหนึ่งแล้วก่อนที่จะมาเจอหนังสือเล่มนี้ แต่ข้าพเจ้าก็ยังรู้สึกเฉย ๆกับการเดินรูป 14 ภาค ที่ยังสวดอยู่เพราะสวดง่ายดีใช้เวลาไม่นาน

พออ่านหนังสือเล่มนี้จบ ข้าพเจ้าจึงมั่นใจได้ว่า มาถูกทางแน่ ๆแล้ว หลังจากนั้นมา ข้าพเจ้าก็พยายามหัดรำพึง มโนภาพถึงรูปภาพ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละภาคขณะที่สวด ไม่เพียงแค่สวดหรืออ่านไปเรื่อย ๆ ตามตัวหนังสือเท่านั้นเหมือนเมื่อก่อน บัดนี้ข้าพเจ้าพอจะจำรายละเอีดบทสวดทั้ง 14 ภาคได้แล้ว สวดได้โดยไม่ต้องพึ่งพาบทสวดอีก แต่ก็เริ่มใช้เวลานานขึ้นในการสวดแต่ละครั้ง

 

ทุกวันนี้ ข้าพเจ้ายังคงเป็นคนบาปหนาอย่างแท้จริง จึงเพียรพยายามที่จะค้นคว้าเรื่องราวการเดินรูป 14 ภาค มาสอนใจตนเอง ดังนั้นนี่จึงเป็นที่มาของการแบ่งปันและแนะนำการเดินรูป 14 ภาค วอนขอพระเมตตาในครั้งนี้

 

%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%ab%e0%b8%a7%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%99

(ท่านสามารถอ่านประวัติฯพณฯ พระอัครสังฆราช ยอแซฟ ยวง นิตโย  (ประมุของค์แรก ) อดีตประมุขมิสซัง แห่ง อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ 1965 – 1976 ได้จากลิงค์ข้างล่างนี้ – ข้าพเจ้ามีบุญได้เคยพบพระคุณเจ้าเป็นการส่วนตัว ตอนที่ท่านมาทำธุระและได้มาเยี่ยมเยียนครอบครัวข้าพเจ้าที่ต่างจังหวัด ทุกคนดีใจ ยินดีและปลื้มใจมาก ๆที่ท่านอุตส่าห์มาเยี่ยมเยียนพวกเราถึงบ้าน ตอนนั้น ข้าพเจ้ายังเด็กอยู่ จำได้แต่เพียงว่า ท่านคือพระสังฆราชที่มียศตำแหน่งสูงที่สุดในประเทศไทย และท่านได้ปกมือบนศีรษะ อวยพรข้าพเจ้าด้วย)

 

 

ประวัติพระอัครสังฆราช ยอแซฟ ยวง นิตโย (ประมุของค์แรก )

 

 

2. วิธีสวดเดินรูป 14 ภาค วอนขอพระเมตตา

 

(แต่ละภาคเริ่มด้วย…) “ข้าแต่พระบิดานิรันดร ลูกขอถวายแด่พระองค์ ซึ่งพระกาย พระโลหิต พรวิญญาณ และพระเทวภาพแห่งพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของลูกทั้งหลาย เพื่ชดเชยบาปของลูกและของชาวโลกทั้งมวล”

(แต่ละภาครับด้วย…)  “ขอทรงโปรดเมตตาลูกทั้งหลายและชาวโลกทั้งมวลเทอญ”

ภาค 1 เดชะพระเยซูเจ้า ทรงถูกตัดสินประหารชีวิต (รับ)
ภาค 2 เดชะพระเยซูเจ้า ทรงแบกไม้กางเขน (รับ)
ภาค 3 เดชะพระเยซูเจ้า ทรงหกล้มครั้งแรก (รับ)
ภาค 4 เดชะพระเยซูเจ้า ทรงพบพระมารดาผู้โศกศัลย์ (รับ)
ภาค 5 เดชะพระเยซูเจ้า ทรงรับให้มีผู้มาช่วยแบกไม้กางเขน (รับ)
ภาค 6 เดชะพระเยซูเจ้า  ทรงให้เวโรนิกาเช็ดพระพักตร์ (รับ)
ภาค 7 เดชะพระเยซูเจ้า  ทรงหกล้มครั้งที่สอง (รับ)
ภาค 8 เดชะพระเยซูเจ้า  ทรงปลอบโยนเหล่าสตรี (รับ)
ภาค 9 เดชะพระเยซูเจ้า  ทรงหกล้มครั้งที่สาม (รับ)
ภาค 10 เดชะพระเยซูเจ้า  ทรงถูกเปลื้องพระภูษา (รับ)
ภาค 11 เดชะพระเยซูเจ้า  ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน(รับ)
ภาค 12 เดชะพระเยซูเจ้า พระองค์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน (รับ)
ภาค 13 เดชะพระเยซูเจ้า  ทรงถูกนำลงมาจากไม้กางเขน (รับ)
ภาค 14 เดชะพระเยซูเจ้า  ทรงถูกฝังในพระคูหา (รับ)

(ครบสิบสี่ภาคแล้ว สวด 3 จบว่า…) “ข้าแต่พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ทรงฤทธิ์ และผู้มิรู้ตาย ขอทรงโปรเมตตาลูกทั้งหลายและชาวโลกทั้งมวลเทอญ”

ดาว์นโหลดบทภาวนาพระเมตตาทั้งหมดได้ที่นี่

 

บทสวดคณะพระเมตตาประเทศไทย

 

3. เดินรูปสิบสี่ภาค วอนขอพระเมตตา สวดรำพึงด้วยรูปภาพในแต่ละภาค

 

ต่อไปนี้คือรูปแบบในการเดินรูป 14 ภาค ที่ข้าพเจ้าทำขึ้นมาเพื่อการรำพึง แต่ละภาคเริ่มด้วยการสวดบท ข้าแต่พระบิดานิรันดร ตามด้วย เดชะพระเยซูเจ้าและบทสวดรับ ขณะที่สวดพยายามรำพึงรูปภาพและหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละภาค

 

ภาค 1

“ข้าแต่พระบิดานิรันดร ลูกขอถวายแด่พระองค์ ซึ่งพระกาย พระโลหิต พระวิญญาณ และพระเทวภาพแห่งพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของลูกทั้งหลาย เพื่อชดเชยบาปของลูกและของชาวโลกทั้งมวล”

เดชะพระเยซูเจ้า ทรงถูกตัดสินประหารชีวิต (รับ)

“ขอทรงโปรดเมตตาลูกทั้งหลายและชาวโลกทั้งมวลเทอญ”

 

ภาค 2

“ข้าแต่พระบิดานิรันดร ลูกขอถวายแด่พระองค์ ซึ่งพระกาย พระโลหิต พระวิญญาณ และพระเทวภาพแห่งพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของลูกทั้งหลาย เพื่อชดเชยบาปของลูกและของชาวโลกทั้งมวล”

 เดชะพระเยซูเจ้า ทรงแบกไม้กางเขน (รับ)

“ขอทรงโปรดเมตตาลูกทั้งหลายและชาวโลกทั้งมวลเทอญ”

 

ภาค 3

“ข้าแต่พระบิดานิรันดร ลูกขอถวายแด่พระองค์ ซึ่งพระกาย พระโลหิต พระวิญญาณ และพระเทวภาพแห่งพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของลูกทั้งหลาย เพื่อชดเชยบาปของลูกและของชาวโลกทั้งมวล”

เดชะพระเยซูเจ้า ทรงหกล้มครั้งแรก (รับ)

“ขอทรงโปรดเมตตาลูกทั้งหลายและชาวโลกทั้งมวลเทอญ”

 

ภาค 4

“ข้าแต่พระบิดานิรันดร ลูกขอถวายแด่พระองค์ ซึ่งพระกาย พระโลหิต พระวิญญาณ และพระเทวภาพแห่งพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของลูกทั้งหลาย เพื่อชดเชยบาปของลูกและของชาวโลกทั้งมวล”

 เดชะพระเยซูเจ้า ทรงพบพระมารดาผู้โศกศัลย์ (รับ)

“ขอทรงโปรดเมตตาลูกทั้งหลายและชาวโลกทั้งมวลเทอญ”

 

ภาค 5

“ข้าแต่พระบิดานิรันดร ลูกขอถวายแด่พระองค์ ซึ่งพระกาย พระโลหิต พระวิญญาณ และพระเทวภาพแห่งพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของลูกทั้งหลาย เพื่อชดเชยบาปของลูกและของชาวโลกทั้งมวล”

เดชะพระเยซูเจ้า ทรงรับให้มีผู้มาช่วยแบกไม้กางเขน (รับ)

“ขอทรงโปรดเมตตาลูกทั้งหลายและชาวโลกทั้งมวลเทอญ”

 

ภาค 6

“ข้าแต่พระบิดานิรันดร ลูกขอถวายแด่พระองค์ ซึ่งพระกาย พระโลหิต พระวิญญาณ และพระเทวภาพแห่งพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของลูกทั้งหลาย เพื่อชดเชยบาปของลูกและของชาวโลกทั้งมวล”

 เดชะพระเยซูเจ้า ทรงให้เวโรนิกาเช็ดพระพักตร์ (รับ)

“ขอทรงโปรดเมตตาลูกทั้งหลายและชาวโลกทั้งมวลเทอญ”

 

ภาค 7

“ข้าแต่พระบิดานิรันดร ลูกขอถวายแด่พระองค์ ซึ่งพระกาย พระโลหิต พระวิญญาณ และพระเทวภาพแห่งพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของลูกทั้งหลาย เพื่อชดเชยบาปของลูกและของชาวโลกทั้งมวล”

เดชะพระเยซูเจ้า ทรงหกล้มครั้งที่สอง (รับ)

“ขอทรงโปรดเมตตาลูกทั้งหลายและชาวโลกทั้งมวลเทอญ”

 

ภาค 8

“ข้าแต่พระบิดานิรันดร ลูกขอถวายแด่พระองค์ ซึ่งพระกาย พระโลหิต พระวิญญาณ และพระเทวภาพแห่งพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของลูกทั้งหลาย เพื่อชดเชยบาปของลูกและของชาวโลกทั้งมวล”

เดชะพระเยซูเจ้า ทรงปลอบโยนเหล่าสตรี (รับ)

“ขอทรงโปรดเมตตาลูกทั้งหลายและชาวโลกทั้งมวลเทอญ”

 

ภาค 9

“ข้าแต่พระบิดานิรันดร ลูกขอถวายแด่พระองค์ ซึ่งพระกาย พระโลหิต พระวิญญาณ และพระเทวภาพแห่งพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของลูกทั้งหลาย เพื่อชดเชยบาปของลูกและของชาวโลกทั้งมวล”

เดชะพระเยซูเจ้า ทรงหกล้มครั้งที่สาม (รับ)

“ขอทรงโปรดเมตตาลูกทั้งหลายและชาวโลกทั้งมวลเทอญ”

 

ภาค 10

“ข้าแต่พระบิดานิรันดร ลูกขอถวายแด่พระองค์ ซึ่งพระกาย พระโลหิต พระวิญญาณ และพระเทวภาพแห่งพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของลูกทั้งหลาย เพื่อชดเชยบาปของลูกและของชาวโลกทั้งมวล”

เดชะพระเยซูเจ้า ทรงถูกเปลื้องพระภูษา (รับ)

“ขอทรงโปรดเมตตาลูกทั้งหลายและชาวโลกทั้งมวลเทอญ”

 

ภาค 11

“ข้าแต่พระบิดานิรันดร ลูกขอถวายแด่พระองค์ ซึ่งพระกาย พระโลหิต พระวิญญาณ และพระเทวภาพแห่งพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของลูกทั้งหลาย เพื่อชดเชยบาปของลูกและของชาวโลกทั้งมวล”

เดชะพระเยซูเจ้า ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน (รับ)

“ขอทรงโปรดเมตตาลูกทั้งหลายและชาวโลกทั้งมวลเทอญ”

 

ภาค 12

“ข้าแต่พระบิดานิรันดร ลูกขอถวายแด่พระองค์ ซึ่งพระกาย พระโลหิต พระวิญญาณ และพระเทวภาพแห่งพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของลูกทั้งหลาย เพื่อชดเชยบาปของลูกและของชาวโลกทั้งมวล”

เดชะพระเยซูเจ้า พระองค์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน (รับ)

“ขอทรงโปรดเมตตาลูกทั้งหลายและชาวโลกทั้งมวลเทอญ”

 

ภาค 13

“ข้าแต่พระบิดานิรันดร ลูกขอถวายแด่พระองค์ ซึ่งพระกาย พระโลหิต พระวิญญาณ และพระเทวภาพแห่งพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของลูกทั้งหลาย เพื่อชดเชยบาปของลูกและของชาวโลกทั้งมวล”

 เดชะพระเยซูเจ้า ทรงถูกนำลงมาจากไม้กางเขน (รับ)

“ขอทรงโปรดเมตตาลูกทั้งหลายและชาวโลกทั้งมวลเทอญ”

 

ภาค 14

“ข้าแต่พระบิดานิรันดร ลูกขอถวายแด่พระองค์ ซึ่งพระกาย พระโลหิต พระวิญญาณ และพระเทวภาพแห่งพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของลูกทั้งหลาย เพื่อชดเชยบาปของลูกและของชาวโลกทั้งมวล”

เดชะพระเยซูเจ้า ทรงถูกฝังในพระคูหา (รับ)

“ขอทรงโปรดเมตตาลูกทั้งหลายและชาวโลกทั้งมวลเทอญ”

(ครบสิบสี่ภาคแล้ว สวด 3 จบว่า…) “ข้าแต่พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ทรงฤทธิ์ และผู้มิรู้ตาย ขอทรงโปรด

เมตตาลูกทั้งหลายและชาวโลกทั้งมวลเทอญ”

 

ขอขอบคุณรูปภาพจาก

http://www.catholictradition.org/

 

4. ทางกางเขน โดย นักบุญยอห์น มารีย์ เวียนเนย์

 

ข้าพเจ้าได้ทำเอกสาร PDF ขึ้นมาอันหนึ่งจากเว็บ  newmana.com เป็นบทสวดการเดินรูป 14 ภาคของนักบุญยอห์น มารีย์ เวียนเนย์ ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นที่นิยมใช้สวดรำพึงตามวัดต่าง ๆในเทศกาลมหาพรต จึงนำมาแบ่งปันเพื่อช่วยให้การสวดรำพึงเดินรูป 14 ภาคมีความลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ดังรูปตัวอย่าง (คลิกที่รูปเพื่อขยายดูรายละเอียด)
ข้าพเจ้าได้แต่หวังว่าการแบ่งปันนี้ คงจะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้ที่เข้ามาอ่านตามสมควร สุดท้าย ก่อนจบโพสต์นี้ ขอโปรดกรุณาระลึก สวดภาวนาให้แก่ข้าพเจ้าบ้าง เพื่อว่า คนบาปต่ำต้อยผู้นี้จะมีปฏิหารย์บังเกิดขึ้นทุกวัน นั่นก็คือ”การเพียรทนบากบั่นในการสวดภาวนา สัตย์ซื่อและไม่ย่อท้อ สำหรับการสรรเสริญ ขอบพระคุณพระ เพื่อวอนขอชดเชยบาปของตัวข้าพเจ้าและเพื่อผู้อื่นไปจนตลอดชีวิตที่เหลือของข้าพเจ้า” ทั้งนี้ โดยอาศัยการเสนอของแม่พระ พระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ และขอพึ่งพระบารมีพระเยซูคริสตเจ้าพระบุตรผู้ทรงจำเริญและครองราชย์เป็นพระเจ้าหนึ่งเดียวกับพระองค์และพระจิตตลอดนิรันดร

twelve fw

ให้เราภาวนา (คัดมาจากบทภาวนาสรรเสริญพระเมตตาของพระเจ้า)

 

ข้าแต่พระเจ้านิรันดร ผู้ทรงไว้ซึ่งพระเมตตามิรู้สิ้นสุด และทรงเป็นขุมทรัพย์แห่งความปรานีมิรู้สิ้น  โปรด
ทรงพระกรุณาทอดพระเนตรมายังลูกทั้งหลาย และเพิ่มพูนพระเมตตาแก่ลูกด้วยเถิด เพื่อว่า ในเวลาแห่งความ
ทุกข์ยากลำบาก ลูกจะไม่สิ้นหวังหรือสิ้นอาลัย แต่กลับไว้วางใจนอบน้อมต่อน้ำพระทัย ซึ่งเป็นความรักและพระ
เมตตานั้นเอง
ข้าแต่พระเมตตาอันสุดที่จะเข้าใจได้และไร้ซึ่งขอบเขต ใครเล่า จะสามารถเทิดทูนและนมัสการพระองค์ ให้
คู่ควรแก่พระคุณอันสูงสุดของพระองค์ผู้ทรงสรรพานุภาพนั้นได้ พระองค์เป็นความหวังอันชื่นใจของคนบาป อาแมน

 

คลิกที่ลิงค์เพื่อดาวน์โหลดเอกสาร (โหลดได้แล้วเปลี่ยนชื่อเอกสารด้วย)

 

stations john vianney 1 stations john vianney 2

ทางกางเขน โดย นักบุญยอห์น มารีย์ เวียนเนย์

 

 

 

The post รำพึงและสวดเดินรูป 14 ภาค วอนขอพระเมตตา (ตอนจบ) appeared first on มาสวดสายประคำกันเถอะ.

Viewing all 23 articles
Browse latest View live